อุตฯไทยยังเติบโตได้ท่ามกลางความเสี่ยง

กรุงเทพฯ 17 ม.ค.-รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ชี้ปี 66 อุตฯไทยยังเติบโตได้ท่ามกลางความเสี่ยงและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก


นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง กิจกรรมต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากการแพร่ระบาด COVID-19 ทำให้การขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการท่องเที่ยวกลับมามีสัญญาณที่ดีขึ้น ในขณะที่การส่งออกสินค้าของไทยแม้มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่การใช้ประโยชน์จากกรอบความตกลงการค้าเสรี(FTA) อาทิ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ควบคู่ไปกับการที่ภาครัฐเร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรีเพื่อเปิดตลาดส่งออกใหม่ๆ เช่น กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) และซาอุดีอาระเบีย จะสามารถช่วยประคับประคองการส่งออกให้สามารถทรงตัวต่อไปได้ ด้านการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน จากอานิสงส์ของอุปสงค์ที่อั้นมานานในช่วงที่ผ่านมา (Pent-Up Demand) ของนักท่องเที่ยว ประกอบกับประเทศจีนเริ่มเปิดประเทศจะเป็นแรงส่งสำคัญให้การท่องเที่ยวในประเทศของไทยฟื้นตัวกลับไปใกล้ระดับก่อนเกิด COVID-19 ซึ่งจะส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับยังมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นสำคัญ 

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนตามนโยบายใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่จะสร้างเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) เพื่อเป็นแรงหนุนสำคัญในด้านการลงทุนของประเทศ พร้อมกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบาย BCG Model เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มคู่ไปกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 10 จังหวัด และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละภูมิภาค รวมทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งต่างๆ จะช่วยเสริมสร้างโอกาสและขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ต่อไป


กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีการเติบโตได้มีทั้งหมด 17 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม, การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์, เครื่องจักรกลและโลหะการ, ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์, ดิจิทัล, น้ำตาล, ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์, ผู้ผลิตไฟฟ้า, พลังงานหมุนเวียน, เฟอร์นิเจอร์, ยา, ยานยนต์, โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม, หล่อโลหะ, หลังคาและอุปกรณ์, เหล็ก, และอาหารและเครื่องดื่ม โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว, การส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่อง และมีการเปิดตลาดใหม่ๆ, ค่าเงินบาทกลับมาอยู่ในอัตราที่เหมาะสมกับทั้งผู้ส่งออกและผู้นำเข้า, การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ และการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ มาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และการใช้ประโยชน์จากกรอบความตกลงการค้าเสรี (FTA) ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ ภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูงจากราคาพลังงานและราคาอาหารที่ยังคงผันผวน, แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการ, โอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในประเทศเศรษฐกิจหลัก, และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ผลจากสงครามการค้า(Trade War) และความรุนแรงของสงครามที่ขยายตัว

กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะทรงตัว มีทั้งหมด 21 กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมก๊าซ, แก้วและกระจก, เครื่องจักรกลการเกษตร, เครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น, เครื่องสำอาง เป็นต้น โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง, อีกทั้ง ค่าเงินบาทกลับมาอยู่ในอัตราที่เหมาะสมกับทั้งผู้ส่งออกและผู้นำเข้า, และการส่งออกสินค้ายังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่ยังต้องรักษาแรงขับเคลื่อนในด้านการส่งออกควบคู่ไปกับรักษาระดับการจ้างงานในภาคการผลิต เพื่อให้สามารถช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไปได้ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และมีการเปิดตลาดใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นตลาดที่ยังมีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในเกณฑ์ดี ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ ภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ราคาวัตถุดิบ ค่าจ้างแรงงาน รวมถึง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งจะกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่อัตรา 5.33 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 13% จากงวดก่อน, โอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในประเทศเศรษฐกิจหลักเช่น สหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวและอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดและยาวนานต่อเนื่อง 

ขณะที่ยุโรปได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤตพลังงาน จึงมีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่วนจีนที่กลับมาประสบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่ ซึ่งอาจซ้ำเติมเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงชะลอตัวจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยทั้งธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ต่างปรับลดตัวเลขการประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2566 เหลือขยายตัวได้เพียง 2.7% และประเมินการค้าโลกในปี 2566 จะขยายตัวเพียง 1% เท่านั้น, แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการและประชาชน โดยเฉพาะต้นทุนการกู้ยืม และฐานะการเงินของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน, ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ผลจากสงครามการค้า (Trade War) และความรุนแรงของสงครามที่ขยายตัว, รวมทั้งปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิต และประสิทธิภาพแรงงาน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สะพานยกระดับกำลังก่อสร้าง ถล่มทับด่วนระดับที่ 1 ตายแล้ว 5

สะพานยกระดับโครงการทางพิเศษพระราม 3-ดาวคะนอง ที่กำลังก่อสร้าง พังถล่มทับด่วนระดับที่ 1 เบื้องต้นเสียชีวิตแล้ว 5 ราย บาดเจ็บ 27 คน เร่งคนหาผู้สูญหาย พร้อมปิดทางขึ้น-ลง ทางพิเศษเฉลิมมหานครชั่วคราว

รัฐบาลเตรียมแผนถวายความสะดวกในหลวง-ราชินี เตรียมเสด็จฯ เยือนต่างประเทศ

รัฐบาลเตรียมแผนถวายความสะดวกในหลวง-ราชินี เตรียมเสด็จฯ เยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ

อากาศเย็นหลงฤดู

กรมอุตุฯ เตือนอากาศเย็นหลงฤดู 16-20 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ เตือนอากาศเย็นหลงฤดู 16-20 มี.ค.นี้ อีสานลดฮวบ 5-8 องศาฯ ภาคอื่นๆ ลดลง 2-4 องศาฯ ส่งผลให้มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลูกเห็บตก และอาจมีฟ้าผ่าบางพื้นที่

ข่าวแนะนำ

“ปชน.” โหมโรงศึกซักฟอก ปล่อยโปสเตอร์ “ดีลแลกประเทศ”

พรรคประชาชนโหมโรง ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ​ ดีลแลกประเทศ หลัง ​”ณัฐพงษ์” ยื่นแก้ญัตติถอนชื่อ ” ทักษิณ” เปลี่ยนเป็น “บุคคลในครอบครัว” แทน

Vatican releases first photo of Pope Francis in hospital

เผยภาพแรกของโป๊ปฟรังซิสที่โรงพยาบาล

สำนักวาติกัน เผยแพร่พระรูปแรกของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก หลังจากทรงเข้ารับการถวายการรักษาในโรงพยาบาลตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา

สั่งเอาผิดคานถล่ม

นายกฯ สั่งเอาผิดแพ่ง-อาญา คานก่อสร้างถล่ม

นายกฯ ถกมาตรการความปลอดภัย หลังคานก่อสร้างสะพานยกระดับถล่ม สั่งเอาผิดทางแพ่งผู้รับเหมา-เอาผิดอาญา พิจารณายึดใบอนุญาตที่ปรึกษาโครงการฯ ย้ำทุกส่วนต้องรับผิดชอบ ทุกชีวิตสำคัญ พร้อมสั่ง “ดีเอสไอ” ตรวจสอบสาเหตุ ด้าน “สุริยะ” รับเป็นปัญหาซ้ำซาก ยันไม่เคยปัดความรับผิดชอบ