สุวิทย์ แจงลงทุนจริงเกิดต่อเนื่องเน้นกลุ่มR&D วิทยาศาสตร์นวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม

กรุงเทพฯ 11 พ.ค. – “สุวิทย์” ชี้แจง
การลงทุนจริงเปลี่ยนจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ไปสู่อุตสาหกรรมที่เน้นนวัตกรรม
  ชูนโยบายใหม่ดูดการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา  พร้อมย้ำ ไทยยังจำเป็นต้องให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อดึงดูดการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
และไม่ได้ยกเว้นภาษีให้กับทุกธุรกิจ


 

นายสุวิทย์
เมษินทรีย์ 
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
ตามที่มีบางท่านให้ข่าวว่าการลงทุนไทยไม่กระเตื้องและหดตัวต่อเนื่องนั้น
เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากหลังจากที่บีโอไอได้ประกาศใช้
ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนในระยะ
7 ปี (พ.ศ. 2558 – 2564)” ได้หันมาให้ความสำคัญกับโครงการลงทุนที่มีคุณภาพ
มากกว่าการเน้นเม็ดเงินลงทุนเหมือนในอดีต ดังจะเห็นได้ว่ามาตรการต่างๆ ของบีโอไอในปัจจุบันมุ่งเน้นผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 
การลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
หรือกิจการที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูงต่อระบบเศรษฐกิจ
ซึ่งกิจการเหล่านี้มักจะมีมูลค่าการลงทุนต่อโครงการไม่สูงมาก  อีกทั้งในระยะหลังจะมีโครงการลงทุนของกลุ่ม
Startup
ในธุรกิจดิจิทัลขอรับการส่งเสริมเป็นจำนวนมาก
ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนไม่สูง แต่สามารถสร้างนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่น ตั้งแต่เริ่มใช้นโยบายใหม่เมื่อปี
2558
จนถึงเดือนมีนาคม
2560 มีกิจการวิจัยและพัฒนา
ยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน
43 โครงการ เงินลงทุนรวม 6,400 ล้านบาท และกิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ ยื่นขอรับการส่งเสริมมากถึง 455 โครงการ เงินลงทุนรวม 4,000 ล้านบาท   นอกจากนี้
โดยธรรมชาติของการลงทุนขนาดใหญ่ในหลายอุตสาหกรรม เช่น ปิโตรเคมี รถยนต์
อิเล็กทรอนิกส์ จะมีลักษณะเป็น
Cycle 
มิได้มีการลงทุนใหม่เกิดขึ้นทุกปี  โดยเมื่อลงทุนไปแล้ว
จะต้องมีการใช้กำลังการผลิตให้มากกว่าร้อยละ
60-70
จึงจะมีการขยายการลงทุนใหม่เพิ่มเติม



สำหรับตัวเลขการลงทุนจริงของโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ลดลงในช่วง
1-2
ปีที่ผ่านมานั้น  นายสุวิทย์ กล่าวว่า
สาเหตุเกิดจากในช่วงปี
2556-2557
มีการลงทุนจริงของโครงการขนาดใหญ่ในกลุ่มสาธารณูปโภค เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
กิจการโรงไฟฟ้า และขนส่งทางอากาศ รวมประมาณ
6
แสนล้านบาท  ขณะที่กลุ่มที่ลงทุนจริงในปี
2558-2560 ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กกว่า
แต่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีเทคโนโลยีและมูลค่าเพิ่มสูง อย่างไรก็ตาม
หากพิจารณาสถิติในขั้นการอนุมัติให้การส่งเสริมและการออกบัตรส่งเสริมของบีโอไอแล้ว
จะเห็นได้ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี
2560
มีมูลค่าเงินลงทุนที่อนุมัติและออกบัตรเพิ่มขึ้นร้อยละ
120
และร้อยละ
85 ตามลำดับ
ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าจะมีการทยอยลงทุนจริงในระยะเวลาอันใกล้



ส่วนกรณีที่มีงานวิจัยของสถาบันวิจัยป๋วย เสนอแนะว่ารัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขยายสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านภาษีในการดึง
FDI อีก
แต่ควรปรับเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อความคุ้มค่า
เพราะยังมีปัจจัยอื่นที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนมากกว่า
คือความยากง่ายในการทำธุรกิจนั้น 
นายสุวิทย์ ให้ความเห็นว่า ประเทศไทยยังจำเป็นต้องให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์
ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศต้องการและไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามกลไกตลาด
ทั้งนี้เนื่องจากประเทศคู่แข่งในภูมิภาคยังใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเครื่องมือแย่งชิงการลงทุนที่มีคุณค่า
ถึงแม้ว่าจะมีอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลในระดับต่ำแล้วก็ตาม  ทั้งนี้
บีโอไอได้ใช้เครื่องมือสิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ
และไม่ได้ให้การส่งเสริมในทุกประเภทธุรกิจ 
ระดับของการให้สิทธิประโยชน์ของแต่ละประเภทกิจการก็จะแตกต่างกันตามคุณค่าของประเภทกิจการนั้นๆ
โดยจะมีเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
หรืออุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศในวงกว้างเท่านั้น
จึงจะอยู่ในข่ายได้รับสิทธิประโยชน์ในระดับสูง


ทั้งนี้ รัฐบาลและบีโอไอ
ได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับการเร่งแก้ไขปัญหาและอุปสรรคด้านการลงทุนต่างๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (
Ease of Doing Business in Thailand) เช่น การออก พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558
เพื่อให้มีกฎหมายกลางที่จะกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตที่ชัดเจนและไม่เป็นอุปสรรคต่อประชาชน  การออกคำสั่ง คสช. เมื่อเดือนเมษายน
2560 เพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎหมายบางฉบับเพิ่มเติม เช่น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายประกันสังคม
กฎหมายล้มละลาย เพื่อแก้ไขขั้นตอนต่างๆ
ตามกฎหมายเหล่านี้ให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจมากยิ่งขึ้น
ตลอดจนการลดการขอเอกสารซ้ำซ้อน 
อีกทั้งขณะนี้บีโอไอได้หารือกับภาคเอกชน และได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง
เช่น ปัญหาด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ปัญหาเรื่องเขตปลอดอากร เป็นต้น


นายสุวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
จากความพยายามของรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาและอุปสรรคด้านการลงทุนต่างๆ
รวมทั้งความพยายามแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นและผลักดันให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น
ประกอบกับขณะนี้ พ.ร.บ. ส่งเสริมการลงทุนฉบับแก้ไขและ
พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ได้มีผลใช้บังคับแล้ว อีกทั้งรัฐบาลกำลังเร่งรัดนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(
EEC) ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
สิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนที่มีคุณภาพในประเทศไทยเพิ่มขึ้นในอนาคต.
– สำนักข่าวไทย

 

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

ผบช.ก.สั่งสอบญาติพระวัดพระบาทน้ำพุ ร่ำรวยผิดปกติ

7 ส.ค. – ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการชุดสืบสวนตรวจสอบความผิดปกติของญาติพระในวัดพระบาทน้ำพุ ร่ำรวยผิดปกติ รวมทั้งคดีของหมอบี นำเงินวัดไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงกรณีของหมอบี หมอดูชื่อดัง ที่ถูกกล่าวหาว่า เปิดบัญชีในนามของวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี แต่กลับนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือส่งเงินให้วัดไม่ครบทั้งหมดว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ตรวจสอบข้อร้องเรียนอย่างละเอียดแล้ว ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยมีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ทั้งฝั่งของผู้ร้องและผู้เกี่ยวข้องกับเงินบริจาค ไปมากกว่า 10 ปากแล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างการเร่งตรวจสอบคือ กรณีการทุจริตเงินบริจาคที่จะให้กับวัด และการใช้จ่ายเงินบริจาค ภายในวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าวัดมีลักษณะพฤติการณ์ใช้นอมินีไปกว้านซื้อที่ดินและสนามกีฬาภายในจังหวัดลพบุรี โดยใช้ชื่อของมูลนิธิ เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด โดยก่อนหน้านี้มีประชาชนรายหนึ่งได้โทรศัพท์แจ้งว่าญาติของพระในวัด ร่ำรวยผิดปกติ โดยไม่ทราบว่านำทรัพย์สินต่างๆ มาจากส่วนใด ขณะนี้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวน ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกรณีนี้แล้วเช่นกัน.-415-สำนักข่าวไทย

รวบไฮโซคนดังพร้อมปืน 20 กระบอก กระสุน และโคเคน

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – รวบ “ไฮโซลูกนัท” คนดัง พร้อมปืนกว่า 20 กระบอก กระสุนอื้อ-ยาโคเคน หลังชักปืนตบหน้าเหยื่อสาวบังคับเสพยา เมื่อวันที่ 7 ส.ค. กองกำกับการสวัสวัสภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) นำหมายค้นศาลอาญาพระโขนงเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในเขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร และจับกุมนายธนัตถ์ หรือไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี สัญชาติไทย พร้อมของกลางที่ตรวจค้นพบในบ้านเป็นอาวุธปืนหลายขนาด และเครื่องกระสุนหลายขนาดกว่า 2,000 นัด ทั้ง ปืนกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. ปืนลูกซอง 1 กระบอก แมกกาชีนปืนสั้น 16 อัน แมกกาชีน smg 9 มม. 5 อัน แมกกาชีน ปลย.(AR) 5 อัน กระสุนขนาด .308 60 นัด กระสุนขนาด 5.56 […]

ข่าวแนะนำ

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session […]