น่าน 10 ม.ค. – ตลท.เผยแผนปี 66-68 ชู 4 กลยุทธ์ส่งเสริมตลาดทุนไทยเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเสริมมาตรการอุดช่องโหว่ หวั่นซ้ำรอยกรณีหุ้น MORE
คณะผู้บริหาร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นำโดยนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. ร่วมแถลงแผนการดำเนินงาน ระยะ 3 ปี (2566-2568) ผ่านกลยุทธ์ 4 ด้าน มุ่งขยายการเติบโตไปพร้อมกัน ทั้งธุรกิจอุตสาหกรรมตลาดทุน สังคม และประเทศ เพื่อสร้างโอกาสที่มากกว่าเพื่อทุกคน โดยมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกลางเชื่อมระบบนิเวศการลงทุนในตลาดทุนปัจจุบันกับการลงทุนแห่งอนาคต ทำให้ตลาดทุนเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ประกอบการและผู้ลงทุน ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่าง ครอบคลุมตั้งแต่เป็นแหล่งระดมทุนสำหรับภาคธุรกิจทุกขนาดและเดินหน้าเชิงรุกดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ (new economy) พัฒนาระบบซื้อขายใหม่ภายในไตรมาส 1/2566 รวมทั้งจะพัฒนาศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (Thai Digital Assets Exchange: TDX) เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายโทเคนดิจิทัล ทั้ง investment token และ utility token ในไตรมาส 3/2566
และออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้เงินลงทุนจำนวนน้อย ไปจนถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม (environment-linked) จะมีการรวบรวมข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ของบริษัทจดทะเบียนมาไว้บน ESG Data Platform โดยเริ่มเผยแพร่ข้อมูลได้ในไตรมาส 2/2566 ควบคู่กับการส่งเสริมการพัฒนาความรู้ด้านการเงินของคนไทย นอกจากนี้ ยังมุ่งขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องทั้งภายในและภายนอกองค์กร ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อให้ตลาดทุนและเศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตได้อย่างสมดุลและยั่งยืน
นายภากร ยอมรับว่า กรณีหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ถือเป็นเหตุการณ์ที่ช็อกตลาดหุ้น และจากการพูดคุยกับนักลงทุนต่างประเทศ ก็บอกว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ถือเป็นเรื่องใหม่ที่จำเป็นต้องหาแนวทางอุดช่องโหว่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย โดยบรรจุอยู่ในแผนการดำเนินงานปี 2566 ตลท. เตรียมหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามแนวทาง 4 ด้าน ได้แก่ พิจารณาปรับปรุงเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ในแต่ละตลาด (SET, mai และ LiVEx), พิจารณาปรับปรุงกฎเกณฑ์การซื้อขาย การชำระราคา และส่งมอบหลักทรัพย์, พิจารณาปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบข้อมูล รวมทั้งแก้ไขกฎเกณฑ์การใช้ข้อมูลที่สำคัญ เช่น ข้อมูลการถือครองหุ้น และรวมศูนย์ข้อมูลการติดต่อกับ บล. ในด้านต่างๆ, พิจารณาปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ โดยในระยะยาว เตรียมปรับปรุงกฎเกณฑ์ และมาตรฐานพัฒนาศูนย์ข้อมูล (Investor Information Bureau) เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาใช้ข้อมูลดังกล่าวร่วมกัน ส่วนในระยะสั้น ต้องตรวจสอบความเสี่ยงของลูกค้าอย่างใกล้ชิด ปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติงานภายใน เพื่อลดและป้องกันความเสี่ยง หากพบการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติ จะดำเนินการตรวจสอบโดยทันที
ขณะที่ความคืบหน้าของคดีนั้น ตลท.ได้ประสานและนำส่งข้อมูลทั้งหมดให้ ก.ล.ต., ปปง. และตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อติดตามเอาผิดกับผู้กระทำผิด และเชื่อมโยงหากลุ่มที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ ซึ่ง ตลท.พร้อมที่จะให้ข้อมูล หากมีการร้องขอมาเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย
