ดีอีเอสชูปี 66 เชื่อมข้อมูลสาธารณสุขผ่านคลาวด์

กรุงเทพฯ 5 ม.ค.-กระทรวงดิจิทัลฯ แถลงผลงานในปี 2565 ประสบความสำเร็จในความร่วมมือกับประเทศกัมพูชา ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขณะเดียวกันตั้งเป้าชูทุกหน่วยงานภาครัฐทรานฟอร์มสู่รัฐบาลดิจิทัล เร่งลิงค์ข้อมูลสาธารณสุขโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศผ่าน “คลาวด์กลางภาครัฐ” เล็งพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วไทย


นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา  ดีอีเอสประสบความสำเร็จอย่างมากในความร่วมมือกับประเทศกัมพูชา เพื่อปราบปราม   แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และHybrid Scam ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมกันระหว่างไทยและกัมพูชา โดยกระบวนการทำงานมีการตรวจสอบจากข้อร้องเรียนว่า มีคนร้ายขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยู่ที่จุดไหน มีการร่วมกันจับกุมปรามปรามคนร้าย รวมถึงการส่งกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ทำให้กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนมีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีทราบพิกัดการกระทำผิด มีการปิดกั้นสัญญาณและเข้าจับกุม ซึ่งจะช่วยกันแก้ปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ 

นอกจากนี้ ดีอีเอส ยังได้เร่งดำเนินงานในด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ระบบบริการคลาวด์กลางภาครัฐโครงการบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะชุมชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีผ่านเครือข่ายออนไลน์รวมถึง การส่งเสริมการพัฒนาด้านอีคอมเมิร์ซ สตาร์ทอัพ เมืองอัจฉริยะ ดิจิทัล ไอดี และ ดิจิทัลโพสต์ไอดี รองรับการพัฒนาและการให้บริการดิจิทัลอย่างยั่งยืน


สำหรับความคืบหน้าทางด้านพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562  (PDPA) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาคุ้มครองสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น กำหนด Personal Data Protection Regulation และ Cross-Border Data Transfer ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ รวมถึงให้ความสำคัญกับการปกป้องผลประโยชน์กับประชาชนไทยบนโลกออนไลน์ โดยหลังจากที่ได้มีการประกาศใช้ ทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดี และสามารถสร้างความเชื่อมั่นในเวทีนานาชาติ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ การค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนการเจรจาข้อตกลงทางการค้า และความร่วมมือด้านอื่นๆ กับต่างประเทศ และสามารถลดอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ผ่านออนไลน์ได้ 

ทั้งนี้ ยังมีแผนที่จะออกพระราชกำหนดให้อำนาจหน่วยงานดูแลการกระทำที่มิชอบเพื่อลดการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายผ่านทางออนไลน์ด้วย ทางด้านโครงการระบบบริการคลาวด์กลางภาครัฐ หรือ Government Data Center and Cloud service (GDCC) นอกจากจะให้บริการ Virtual Machine สําหรับหน่วยงานภาครัฐ GDCC ยังมีบริการเสริมจำนวนมาก อาทิ AI, IoT รวมถึง Open Data ให้หน่วยงานภาครัฐสามารถนำไปต่อยอด ประยุกต์ใช้งาน เพื่อพัฒนางานในการให้บริการกับประชาชน รวมถึงหน่วยงานรัฐทุกแห่งสามารถที่จะทรานฟอร์มสู่ดิจิทัล 100%เพื่อให้ประชาชนสามารถที่จะใช้บริการภาครัฐผ่านออนไลน์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม โครงการระบบบริการคลาวด์กลางภาครัฐ ในเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมามีการให้บริการระบบคลาวด์กลางภาครัฐ จำนวน 219 กรม 874 หน่วยงาน 3,065 ระบบงาน มีการพัฒนาบุคลากรตั้งแต่ระดับพื้นฐาน จนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญมากว่า 2,500 คน ช่วยรัฐประหยัดงบประมาณได้ถึง 30 – 60% และรัฐบาลมีแผนที่จะทรานฟอร์มทุกหน่วยงานของรัฐ เป็นรัฐบาลดิจิทัล 100%  ในปี 2566 นี้ นอกจากนี้รัฐบาลยังมีแผนที่จะจัดทำระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ด้านสาธารณสุข/สถานการณ์โควิด 19, ระบบ National Digital Health Platform เพื่อเป็นระบบเชื่อมโยงข้อมูลสาธารณสุขของประชาชน  และโรงพยาบาล สามารถเชื่อมโยงข้อมูลทางด้านสาธารณสุข ฐานข้อมูลคนไข้ผ่านระบบคลาวด์กลางภาครัฐ ทำให้แพทย์สามารถเรียกดูข้อมูลคนไข้เพื่อการรักษาได้จากโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ


ทั้งนี้ ดีอีเอสร่วมกับโรงพยาบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขพัฒนา Health Link ระบบเชื่อมโยง/แลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพและประวัติการรักษาทั่วประเทศอย่างมีมาตรฐาน ปลอดภัย และคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีการพัฒนาระบบ Data Exchange Zone ที่สามารถบริหารจัดการการดึงข้อมูลจากระบบ Hospital Information System ที่ไม่รบกวนงานหลักของโรงพยาบาล (FHIR Client, FHIR Server) ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการแล้ว 150 แห่ง และอยู่ระหว่างการขยายผลอีก 100 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งประชาชนสามารถลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนและอนุญาตให้ Health Link ดึงข้อมูลประวัติการรักษาของตนได้อย่างสะดวกผ่านหลายช่องทาง โดยระยะแรกใช้ระบบเป๋าตังของธนาคารกรุงไทย และระบบ H4U ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก เมื่อประชาชนให้ความยินยอมแล้ว Data Exchange Zone ของโรงพยาบาลจะสามารถเข้าถึงข้อมูลประวัติการรักษา เพื่อแสดงผลให้แพทย์ที่อยู่ในทะเบียนของแพทยสภาใช้ประกอบการวินิจฉัย/รักษาได้

นอกจากนี้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ยังได้ร่วมมือกับ 2 พันธมิตร ประกอบด้วยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และภาคเอกชน นำศักยภาพของทั้ง 3 หน่วยงานมาร่วมกันจัดทำDigital Health ID เพื่อให้บริการสาธารณสุขและบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพแก่ประชาชน รวมทั้งพัฒนาระบบนำร่องHealth Platform ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ในส่วนของโครงการบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะสู่ชุมชนนั้น    ดีอีเอสได้เร่งดำเนินการเพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างเทคโนโลยีเพื่อรองรับการใช้งานของประชาชน และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน โดยโครงการนี้ใช้งบประมาณดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 150.6 ล้านบาท และจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จำนวน 8,246 แห่งทั่วประเทศ

สำหรับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ของประชาชน นั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่าการใช้ไอซีทีของประชาชนในประเทศไทยในไตรมาส 3 ปี 2565 ที่ผ่านมา พบว่า จากการสำรวจครัวเรือนประมาณ23.4 ล้านครัวเรือน มีครัวเรือนที่มีคอมพิวเตอร์ 5.8 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 24.6% มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 21.1 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 89.9% และมีโทรศัพท์มือถือ 22.7 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 96.9% นอกกจากนี้ ยังมีผลการสำรวจประชาชนอายุ 6 ปีขึ้นไป ประมาณ 65.6 ล้านคน พบว่า มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 57.0 ล้านคน คิดเป็น 87.0% ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 62.3 ล้านคน คิดเป็น 95.0% และผู้มีโทรศัพท์มือถือ 57.7 ล้านคน คิดเป็น 88.0%

นอกจากนี้ในปี 2566 จะมีโครงการบัตรประชาชนออนไลน์ เพื่อยืนยันตัวตนในการทำออนไลน์อีกด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเริ่มต้นทำและอยู่ในระหว่างการประชาสัมพันธ์ถึงความสะดวกสบายในการทำบัตรประชาชนออนไลน์ โดยมีเป้าหมายในการทำธุรกรรมออนไลน์และทำให้เศรษฐกิจดิจิตอลเติบโตแบบก้าวกระโดดโดยจะทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้อยากจะเชิญ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไปทำบัตรประจำตัวประชาชนออนไลน์พร้อมกันด้วย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงนายก อบจ.เพชรบุรี แชมป์เก่ายังแรง

เลือกตั้งนายก อบจ.เพชรบุรี ไม่คึกคัก ผลไม่เป็นทางการ “ชัยยะ อังกินันทน์” แชมป์เก่า คะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่ง ด้านเลขาฯ กกต. เผยภาพรวมทั้ง 3 จังหวัด คนมาใช้สิทธิน้อย คาดเบื่อเลือกตั้ง 2 รอบ

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

ลุ้นผลเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ขณะนี้การนับคะแนนตามหน่วยต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว อยู่ในขั้นตอนการรวมคะแนน ซึ่งในเขตเมือง ผลปรากฏว่าผู้สมัครจากพรรคประชาชนมีคะแนนนำ แต่อำเภอรอบนอก ตัวแทนพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำอยู่หลายหน่วยเลือกตั้ง

เร่งประสานอินเตอร์โพลขอหมายแดงล่าตัว “หมอบุญ”

ตำรวจเตรียมออกหมายจับเครือข่าย “หมอบุญ” ฉ้อโกง ลอต 2 รวมทั้งเร่งประสานอินเตอร์โพล ออกหมายแดงล่าตัว “หมอบุญ” กลับมาดำเนินคดี