เงินเฟ้อปี 65 ใกล้เคียงที่คาดการณ์อยู่ที่ร้อยละ 6.08 

นนทบุรี 5 ม.ค.-ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) เผยอัตราเงินเฟ้อของไทยเฉลี่ยทั้งปี2565 ใกล้เคียงกับระดับที่คาดการณ์ อยู่ที่ ร้อยละ 6.08 ขณะที่เงินเฟ้อเดือน ธ.ค.65 อยู่ที่ร้อยละ  5.89 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ส่วนแนวโน้มปี 2566 คาดว่าจะชะลอตัวลงอย่างชัดเจน โดยมีปัจจัยหลายด้านหนุน


นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า  (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนธันวาคม 2565 เท่ากับ 107.86 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเท่ากับ 101.86 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป สูงขึ้นร้อยละ 5.89 ตามราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน และอาหารที่ยังสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับฐานราคาในเดือนธันวาคม 2564 ไม่สูงมากนัก และอุปสงค์ในประเทศปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 0.06  โดยลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ตามการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ และผลไม้สด เป็นสำคัญ

ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2565 สูงขึ้นร้อยละ 6.08 ซึ่งใกล้เคียงกับที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ และเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อต่างประเทศที่เริ่มชะลอตัวลง (ข้อมูลล่าสุดเดือนพฤศจิกายน 2565) พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับที่ดีกว่าหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อิตาลี เม็กซิโก และอินเดีย รวมถึงประเทศในอาเซียน ลาว ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์เงินเฟ้อที่สูงขึ้นร้อยละ 5.89 ในเดือนนี้ สาเหตุสำคัญมาจากสินค้าในหมวดอื่น ๆที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 3.87 ตามราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานที่สูงขึ้นร้อยละ 14.62 โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ตลอดจนค่าโดยสารสาธารณะที่ปรับเพิ่มขึ้น 


นอกจากนี้ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก) ยาสีฟัน แชมพูสระผม และค่าแต่งผมชาย-สตรี ราคาสูงขึ้นเล็กน้อย และยังมีสินค้าสำคัญอีกหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ โฟมล้างหน้า แป้งผัดหน้า ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และค่าสมาชิกเคเบิลทีวี ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 8.87  โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูปที่สูงขึ้นร้อยละ 9.66 อาทิข้าวราดแกง อาหารเช้า ก๋วยเตี๋ยว และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ราคาปรับเพิ่มขึ้นตามราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิต รวมทั้ง เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ และข้าวสาร ราคายังสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ตามความต้องการในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ขณะที่ผักและผลไม้บางประเภทราคาลดลง อาทิ มะเขือเทศ กะหล่ำปลี พริกสด ผักกาดขาว มะขามเปียก มะพร้าวแห้ง/ขูด กล้วยน้ำว้า และทุเรียน

ทั้งนี้ เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้นร้อยละ 3.23 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่สูงขึ้นร้อยละ 3.22 ตามต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนนี้ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ลดลงร้อยละ 0.06 (MoM) ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าในหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 0.30 ตามการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า (เสื้อและกางเกงบุรุษ) ตู้เย็น น้ำยารีดผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม และผงซักฟอก 

สำหรับสินค้าสำคัญในกลุ่มอาหารที่ราคาปรับลดลง อาทิ เนื้อสุกร ไก่สด ไก่ย่าง ไข่ไก่ ส้มเขียวหวาน ชมพู่ ฝรั่ง กล้วยน้ำว้า มะขามเปียก และน้ำมันพืช ขณะที่สินค้าอื่น ๆ ราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาทิ ข้าวสาร ผักสดบางชนิด (ผักชี ผักบุ้งผักคะน้า) กาแฟผงสำเร็จรูป อาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน และค่าโดยสารสาธารณะ


อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2565 สูงขึ้นร้อยละ 6.08 เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 5.5 – 6.5 (ค่ากลางร้อยละ 6.0) ปัจจัยสำคัญมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายสำคัญควบคุมปริมาณการผลิต และปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้อุปทานการผลิตพลังงานตึงตัวมากขึ้น และส่งผลมายังราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ค่ากระแสไฟฟ้า และก๊าซหุงต้มในประเทศ ทั้งนี้ ราคาพลังงานที่สูงขึ้นดังกล่าว รวมถึงการปรับขึ้นค่าจ้าง อัตราดอกเบี้ย และเงินบาทที่อ่อนค่ายังเป็นต้นทุนที่แฝงอยู่เกือบทุกขั้นตอนการผลิต ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการหลายประเภททยอยปรับเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ โรคระบาดในสุกร ปัญหาอุทกภัย อุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ฐานราคาในปี 2564 ที่อยู่ในระดับต่ำรวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น มีส่วนทำให้เงินเฟ้อปี 2565 อยู่ในระดับสูง  โดยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับลดลงในช่วงปลายปี สถานการณ์อุทกภัยที่คลี่คลาย และมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่งผลให้เงินเฟ้อในช่วงปลายปีชะลอตัว

ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2566 คาดว่าจะชะลอตัวลงจากปี 2565 อย่างชัดเจน เนื่องจากราคาสินค้าส่วนใหญ่เริ่มทรงตัวและบางรายการปรับลดลงหลังจากที่ทยอยปรับขึ้นตามต้นทุนแล้วในปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาพลังงานโดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ มีแนวโน้มชะลอตัวตามอุปสงค์โลกที่ลดลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆนอกจากนี้ ฐานราคาในปี 2565 ที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อค่อนข้างสูง มาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ และการกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการอย่างเป็นธรรมตลอดห่วงโซ่การผลิต ดังนั้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อปี 2566 ขยายตัวไม่มากนัก แม้การปรับขึ้นค่ากระแสไฟฟ้า การปรับขึ้นค่าจ้างทั้งระบบ และเงินบาทที่ยังผันผวน ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิต รวมถึงอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าและบริการปรับสูงขึ้น ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อปี 2566 ได้แก่ ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก จากความเสี่ยงของปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สภาพอากาศที่แปรปรวน การแพร่ระบาดของโควิด-19 และโรคระบาดในสัตว์ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ระหว่างร้อยละ 2.0 – 3.0 ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง แต่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน และในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) สาเหตุสำคัญมาจากเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว การส่งออก ราคาสินค้าเกษตรสำคัญยังอยู่ในเกณฑ์ดี และมาตรการของภาครัฐที่ส่งผลให้ภาคประชาชนและภาคธุรกิจมีรายได้ และกำลังซื้อมากขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย