สำนักข่าวไทย 29 ธ.ค. – รมว.คลัง ชี้ เศรษฐกิจไทย ปี 66 ยังโตได้ต่อเนื่อง 3-4% ได้แรงหนุนภาคท่องเที่ยว-การบริโภคในประเทศ พร้อมใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ย วางเป้าคุมเงินเฟ้อให้ไม่เกิน 3%
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ในรายการ “นาทีลงทุน” ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ถึงภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี2566 โดยระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยชัดเจนว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีนี้ ที่คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรฐกิจครบปีจะเติบโตได้ที่ประมาณ 3.0-3.2 %โดยมีแรงส่งสำคัญคือภาคการท่องเที่ยว และภาคบริการโดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต ซึ่งส่วนสำคัญที่ไม่ค่อยได้พูดถึงคือการท่องเที่ยวในประเทศ หลังการเปิดประเทศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด คนไทยท่องเที่ยวมากขึ้น ส่วนแรงส่งด้านการท่องเที่ยวจะมากแค่ไหนนั้น ปีนี้เรารับนักท่องเที่ยวแล้ว 10 ล้านคน ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว 20-21 ล้านคน หรืออาจจะมากกว่านั้น เพราะหากประเทศจีนเปิดประเทศ ผู้คนจะหลังไหลเข้ามา
ขณะเดียวกันยังมีแรงกระตุ้นจากภาคการส่งออก ซึ่งได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน ในสินค้าหมวดอาหาร ที่เราใช้วัตถุดิบในประเทศมาก ทำให้ราคายังต่ำ และได้อานิสงฆ์ต่อเนื่อง แต่ยังต้องผลักดันให้มีการส่งออกในปริมาณที่มากขึ้น
ส่วนการจับจ่ายใช้สอย หรือการบริโภคในประเทศนั้น คนไทยเริ่มมีความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว และยังมีข่าวดีจากสมาคมสายการบินในประเทศไทย ล่าสุด จะมีโปรโมชั่นให้คนไทยเดินทางในช่วงเดือนมกราคมนี้ ลดค่าตั๋วโดยสารสูงสุดถึง 20 ทำให้คนมีความั่นใจมากขึ้น โดยอัตราการใช้จ่ายเพื่อบริโภคของไทย มีอัตราใกล้เคียง กับอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 3-4 % ประกอบกับกระทรวงการคลังออกมาตรการ “ช้อป ดี มี คืน” ที่เพิ่มวงเงินหักค่าลดหย่อนภาษีจาก 30,000 บาทเป็น 40,000 บาท ที่จะทำให้ร้านค้าต่างๆ สามารถขายสินค้าได้ดีขึ้น
รมว.คลัง ยังกล่าวถึงอีกแรงส่งสำคัญทางเศรษฐกิจ คือ การลงทุน หลายโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่มีความล่าช้าต่อเนื่องตั้งแต่ปี 63-65 ในปี 66 ภาครัฐจะเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงพื้นที่ ECC เชื่อว่าอัตราการเจริญเติบโตทางเศษรฐกิจของไทยในปี 66 จะอยู่ที่ 3-4 % โดยตัวเลขที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ตัวเลขที่ 3.8 % ซึ่งสูงกว่าในปี 65 และเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสวนกระแสกับภาวะเศรษฐกิจโลก ส่วนอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และอัตราเงินเฟ้อของไทยนั้น ล่าสุด กระทรวงการคลัง ได้เสนอเป้าหมายเงินเฟ้อปี 66 ต่อคณะรัฐมนตรีให้เห็นชอบ ตามกรอบของคณะกรรมการนโยบายการเงินเสนอ โดยอัตราเงินเฟ้อปี 66 จะคุมให้อยู่ในช่วงที่ 1-3 % ส่วนที่ปีนี้อัตราเงินเฟ้อทั้งปี เฉลี่ยอยู่ที่ 6 % จะสามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่ต้องการได้อย่างไรนั้น กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นตรงกันว่าจะต้องคุมอัตราเงินเฟ้อให้ลดลงมาอยู่ในระดับที่รับได้ เพื่อให้ความมั่นใจกับนักลงทุนและประชาชน โดยใช้นโยบายการเงินและการคลังที่มีเครื่องมือสำคัญคืออัตราดอกเบี้ย ประกอบกับการพิจารณาเรื่องของการฟื้นตัวเศรษฐกิจ โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย