ทำเนียบฯ 28 ธ.ค.-บอร์ดอีอีซี เร่งรัดลงทุน 4 โครงสร้างพื้นฐานหลัก กลุ่มซีพี เตรียมเข้าพื้นที่สร้างรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน พร้อมตั้งฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า EV แห่งภูมิภาค
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) อนุมัติ 4 โครงสร้างพื้นฐานหลัก ได้แก่ 1. โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ทางรฟท. ได้ส่งมอบพื้นที่โครงการ (ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และพื้นที่มักกะสันและศรีราชาให้แก่เอกชนแล้ว ผู้รับสัมปทานเตรียมการก่อสร้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอรับบัตรส่งเสริมการลงทุน จากบีโอไอ เมื่อได้รับการส่งเสริมการลงทุน จะทำให้เงื่อนไขบังคับก่อนตามสัญญาครบถ้วน และจะเริ่มการก่อสร้างได้ ในส่วนการบริหารงานการให้บริการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ปัจจุบันเอกชนได้เข้าดำเนินการตาม ที่ รฟท. กำหนด
2. โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก หลังจากเอกชนคู่สัญญา และกองทัพเรือ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงการใช้สนามบินอู่ตะเภาร่วมกัน (Joint Use Agreement) และรายงาน EHIA ได้รับการอนุมัติจากครม. สำนักงานอีอีซี ได้แจ้งให้เอกชนรับสิทธิตามสัญญาแล้ว เมื่อ 29 พ.ย. 2565 เพื่อให้เอกชนเริ่มงานก่อสร้างได้ในช่วงต้นปี 2566 หลังจากเงื่อนไขบังคับก่อนตามสัญญาร่วมลงทุนครบถ้วน
สำหรับ การแก้ไขปัญหาผลกระทบ โครงการรถไฟความเร็วสูงฯ และโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ จากสถานการณ์โควิด 19 และสงครามรัสเชีย-ยูเครน ปัจจุบันคู่สัญญาได้เจรจาหลักการแก้ไขปัญหา โดยมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน ได้พิจารณาให้ความเห็นด้านเทคนิค การเงิน และกฎหมายแล้ว เตรียมนำความเห็นไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อนำเสนอให้ที่ประชุม กพอ. พิจารณาต่อไป
3. โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เริ่มงานออกแบบก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ขณะนี้ได้ถมทะเลได้ร้อยละ 31.57 เร็วกว่าแผนงานร้อยละ 3.39 ส่วนการชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตาม EHIA ได้จัดตั้งมูลนิธิกองทุนฯ เพื่อช่วยเหลือเยียวยากลุ่มประมงพื้นบ้าน 855 ราย รวมทั้งสนับสนุนพัฒนาอาชีพให้ชุมชน และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง สำหรับท่าเรือมาบตาพุด ช่วงที่ 1 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569
4. โครงการท่าเรือแหลมฉบัง เริ่มต้นการก่อสร้างงานทางทะเล โดยพื้นที่ถมทะเลช่วงที่ 1 ดำเนินการแล้วเสร็จ ส่วนการชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตาม EHIA ได้ ช่วยเหลือเยียวยาแก่กลุ่มประมงเรือเล็ก และกลุ่มผู้เลี้ยงหอยตั้งแต่ปี 2564 การจัดทำ EHIA ของท่าเทียบเรือ F ได้ส่งให้ สผ. แล้ว กำหนดเปิดบริการท่าเทียบเรือ F ในปี 2569 โดย อีอีซี มุ่งผลักดันทุกโครงการ ให้ได้ตามแผน
นอกจากนี้ ที่ประชุม กพอ. รับทราบความก้าวหน้าอีอีซี ด้านอื่นที่สำคัญ ๆ อาทิ การผลักดันและเร่งรัดการลงทุนระยะที่1 (2561 – 2565) ได้อนุมัติงบลงทุนสูงถึง 1.92 ล้านล้านบาท เกินเป้าหมาย 1.7 ล้านล้านบาท พื้นที่ อีอีซี พร้อมตั้งฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า EV แห่งภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการลงทุนเศรษฐกิจสีเขียว BCG model ขับเคลื่อนระบบAutomation ในโรงงานและธุรกิจช่วยลดต้นทุนได้กว่าร้อยละ 30 ร่วมกับทุกภาคส่วน ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ระบบ Demand Driven ผลิตบุคคลากร ให้ตรงตามความต้องการ
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมวาระลับที่ใช้เวลากว่า 45 นาที นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวว่าที่ประชุม กพอ.ได้เห็นชอบให้นายจุฬา สุขมานพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคมดำรงตำแหน่งเลขาธิการคนใหม่ตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ ทั้งนี้ตนจะรีบนัดหมายเลขาฯคนใหม่มาหารือกันเพราะมีงานหลายอย่างของอีอีซีที่จะต้องขับเคลื่อน และเลขาฯคนใหม่ถือว่ามีความรู้ความสามารถที่จะขับเคลื่อนงานด้านนี้
นางธัญรัตน์ อินทร รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการอีอีซี กล่าวว่าสำหรับผลการคัดเลือก เลขาธิการ อีอีซี คนใหม่ ที่ประชุม กพอ. มีมติเห็นให้แต่งตั้ง นายจุฬา เป็นเลขาธิการอีอีซีคนใหม่ โดยหลังจากนี้ จะเข้ากระบวนเจรจาค่าตอบแทน และสัญญารวมทั้งรับทราบภารกิจเพิ่มเติมที่ที่ประชุม กพอ.ในวันนี้ได้มีการมอบหมายเพิ่มเติม เมื่อเจรจาเสร็จแล้ว ก็จะเสนอให้นายกรัฐมนตรี ลงนามในสัญญาตามขั้นตอนต่อไป.-สำนักข่าวไทย
