คมนาคมสั่งเตรียมพร้อมระบบจราจรถนนสายหลัก 

นครราชสีมา 28  ธ.ค. – รมว.คมนาคมตรวจการจราจร ขาออกเทศกาลปีใหม่ 2566 พบถนนหลายสายรถเริ่มคับคั่ง สั่งเร่งระบายการจราจร ให้กรมทางหลวงเปิดเลนพิเศษทันที และรายงานสภาพการจราจรทุก 1- 3 ชั่วโมง


นายศักดิ์สยาม  ชิดชอบ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  พร้อมด้วยนายชยธรรม์ พรหมศร  ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์   รองปลักกระทรวงคมนาคม  ผู้บริหาร กรมทางหลวง (ทล)  ,กรมทางหลวงชนบท(ทช.)  ,กรมการขนส่งทางบก (ขบ.)  ได้เดินทางขึ้นเฮลิคอปเตอร์   ร่วมตรวจเส้นทางจราจรขาออก จากกรุงเทพมหานคร บนถนนสายหลัก   รองรับการเดินทางของประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566  ทั้งถนนวิภาวดีรังสิต ,ถนนพหลโยธิน และถนนมิตรภาพ จังหวัดสระบุรี และบริเวณเนินคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา    

รวมทั้งทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือ มอเตอร์เวย์ หมายเลข  9   โดยสภาพการจราจรทั่วไป ถนนสายหลักยังคล่องตัว มีเพียงปัญหาการจราจร คับคั่งหน้าด่าน ของมอเตอร์เวย์ หมายเลข 9   ที่มีท้ายแถวยาว ประมาณ 5 กิโลเมตร  โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  ได้ สั่งการให้กรมทางหลวง  เร่งดำเนินการแก้ไขแล้ว ขณะที่ถนนพหลโยธิน  ช่วงก่อนถึงแยกวังน้อย  จังหวัดสระบุรี   จนถึงอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา  เริ่มมีรถสะสมหนาแน่นแล้วเช่นกัน  


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า   ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายการจราจร โดยเร็ว  โดยในส่วนของกรมทางหลวง ขอให้เปิดเลนพิเศษทันที  ไม่ต้องรอให้การจราจรติดขัด  ก่อนแล้วจึงค่อยเปิด  และหลังจากเที่ยงคืนวันนี้  หรือ  00.01  น . วันที่ 29 ธ.ค.65 ซึ่งมีการเปิดให้ผ่านด่านมอเตอร์เวย์ หมาย 7 และ 9 ฟรี  ขอให้กรมทางหลวง  รายงานสภาพการจราจร ทุก 3 ชั่วโมง และ ในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้  ให้รายงานผล ทุก 1 ชั่วโมง เพื่อติดตามสถานการณ์เดินทางของประชาชนอย่างใกล้ชิด 

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก  ประสานผู้ประกอบการขนส่งขอให้รถใหญ่ที่ไม่ได้ขนส่งสินค้าจำเป็นเช่น พลังงาน น้ำมัน ของอุปโภคบริโภค  ให้ช่วยลดการขนส่งสินค้าอื่นๆลงในระหว่างเทศกาล  และขอความร่วมมือรถขนาดใหญ่ ไม่วิ่งช่องเลนขวา   เพื่อให้รถที่ใช้ความเร็วสามารถสัญจรได้คล่องตัว 

ขณะที่ในส่วนของประชาชน  กระทรวงคมนาคม  ใคร่ขอควรร่วมมือ  เช่น  การวางแผนในการเดินทาง ศึกษาเส้นทางต่างๆ   เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรติดขัด โดยสารติดตามสภาพจราจร ทาง แอพพลิเคชั่น Highway Traffic ของกรมทางหลวงได้   รวมทั้ง จัดเวลาการเดินทางเช่น ขาออก ให้รถทางที่มีปลายทางอยู่ไกล เดินทางก่อน  ส่วนรถทึ่มีระยะทางเป้าหมายสั้น ออกเดินทางที่หลัง  เพื่อลดความคับคั่งผิวจราจร  และที่สำคัญ ขอให้ประชาชน เตรียมความพร้อมทั้งรถทั้งคนก่อนเดินทาง  โดยตรวจเช็ครถก่อนเดินทาง   ส่วนผู้ขับขี่ก็ขอให้พักผ่อนให้เพียงพอ 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนารม  ยังได้ลงพื้นที่ ตรวจราชการจุดบริการประชาชน เทศบาลตำบลคลองไผ่ ถนนมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ,  รับฟังผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา บรรยายสรุปการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ของจังหวัดนครราชสีมา  มอบนโยบายตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานฯและออกเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ตรวจสภาพการจราจร ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา และอำาเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี  ซึ่งพบว่า การจราจรยังคล่องตัว  

 หลังจากนั้นได้เดินทาง ตรวจเยี่ยม ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อติดตามความคืบหน้า การแก้ปัญหาความแออัดด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม)  และความล่าช้าการจัดการกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสาร  โดยก่อนหน้านี้ นายศักดิ์สยาม  ระบุว่า  การแก้ไขปัญหากระเป๋าสัมภาระล่าช้านี้  กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน ) หรือ  AOT ให้แก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่เป็นผักชีโรยหน้า  หรือทำเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น    โดยการแก้ไขปัญหาในส่วนของสายการบิน   บริษัทการบินไทย  จำกัด (มหาชน)  ที่ระบุว่าจะมีการเพิ่มคนเข้ามาดำเนินการ  ต้องดูว่าสามารถแก้ไขปัญหา ได้จบจริงได้หรือไม่  หากทำไม่ได้ก็จำเป็นต้องเพิ่มบริษัทเพื่อเข้ามา บริหารจัดการกระเป๋าสัมภาระเพิ่มเติม  ตามที่ได้สั่งการไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ล่าหนุ่มโมร็อกโก ฆ่าโหดหมอแซมมี่ เผ่นหนีฮ่องกง

ตำรวจประสานตำรวจสากล เร่งล่าตัวแฟนหนุ่มชาวโมร็อกโก ผู้ต้องสงสัยฆ่าโหดหมอแซมมี่ แพทย์ความงามสาวสอง เจ้าของคลินิกเวชกรรมชื่อดังเชียงใหม่ พบเผ่นหนีไปฮ่องกงแล้ว

ผู้เสียหายร้องตำรวจ ปคบ.ตรวจสอบบริษัท K4 ชวนลงทุนซิม-ตู้เติมเงิน

ผู้เสียหายร้องตำรวจ ปคบ.ตรวจสอบบริษัท K4 ชักชวนลงทุนซิมและตู้เติมเงิน อ้างสิทธิ กสทช. พบมีผู้เสียหาย 5,000 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท

รถตู้กลับจากแข่งเรือเสียหลักชนต้นไม้ ดับ 4 เจ็บ 9

สลด! รถตู้กลับจากแข่งเรือยาวที่ จ.ปทุมธานี เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ บนถนนสายลำปาง-งาว จ.ลำปาง เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 9 ราย

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ชายขับเก๋งแดงแหกด่านเข้ารับทราบ 3 ข้อหา

ชายขับเก๋งแดงแหกด่าน เข้ารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมขอโทษหลังเป็นชนวนเหตุตำรวจทำร้ายผิดตัว แต่ยังไม่ตอบคำถามว่าเมาหรือไม่

สธ.ยืนยันนักร้องสาวเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากนวดบิดคอ

“สมศักดิ์” ยัน “ผิง ชญาดา” ไม่ได้นวดบิดคอเสียชีวิต ชี้ผลตรวจ MRI ไม่มีกระดูกคอหักหรือเคลื่อน เผยผลวินิจฉัยเป็น “โรคไขสันหลังอักเสบ” จนติดเชื้อในกระแสเลือด ขอประชาชนมั่นใจ ไม่เกี่ยวการนวด