กทม. 26 ธ.ค.- ปี 66 เซ็นทรัลแล็บไทย มุ่งยกระดับมาตรฐานอัญมณี เครื่องประดับและโลหะมีค่า สู่ความยั่งยืน
นายชาคริต เทียบเธียรรัตน์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง(ประเทศไทย)จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บไทย กล่าวถึง ทิศทางในการดำเนินงานปี 2566 ว่า ด้วยศักยภาพทางห้องปฏิบัติการของบริษัทฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ภายใต้มาตรฐาน ISO/IEC 17025 ที่จะก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนงานบริการและยกระดับมาตรฐานสินค้าให้กับผู้ประกอบการทุกกกลุ่มการผลิตให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
โดยในปี 2566 นี้ เซ็นทรัลแล็บไทย เตรียมขยายขอบเขตงานให้บริการให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อขานรับนโยบายภาครัฐ และเศรษฐกิจในรูปแบบ BCG Model รวมถึงการยกระดับการสร้างมาตรฐานตรวจสอบอัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า ซึ่งจะเป็นความร่วมมือระหว่างเซ็นทรัลแล็บไทยและสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เพื่อให้เป็นไปตามาตรฐานสากล รวมถึง การขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐในการสร้างมาตรฐาน Carbon Credit Footprint ซึ่งมาตรฐานนี้จะเป็นการแสดงข้อมูลให้ผู้บริโภคได้ทราบว่า ตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมี การปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาปริมาณเท่าไหร่ ตั้งแต่ขั้นตอนการได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การกระจายสินค้า การใช้งาน และการจัดการของเสียหลังหมดอายุการใช้งาน ซึ่งจะเป็นแนวโน้มการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องเร่งสร้างระบบประเมินและรับรองมาตรฐานเหล่านี้ ให้เป็นที่ยอมรับและนำไปสู่บริการใหม่ของบริษัท
ปัจจุบัน เซ็นทรัลแล็บไทย ให้บริการตรวจทดสอบเครื่องเงิน ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) เพื่อตรวจวิเคราะห์ค่าร้อยละของเนื้อเงินที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ เช่น สร้อย แหวน และเครื่องเงินอื่น ๆ โดยต้องมีค่ามากกว่าร้อยละ 90 ขึ้นไป ถึงจะเป็นถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานตามข้อกําหนดด้านคุณภาพที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เป็นที่เชื่อถือ เป็นที่ยอมรับ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กําหนด
โดยเซ็นทรัลแล็บไทย ได้พัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญ ควบคู่ไปกับการลงทุนเครื่องมือขั้นสูง ในการตรวจวิเคราะห์ เพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ อันจะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าสินค้า.-สำนักข่าวไทย