ส.อ.ท. จี้รัฐเร่งหาทางออกต้นทุนพลังงานสูง

กรุงเทพฯ 13 ธ.ค.- ส.อ.ท.จี้รัฐพิจารณา 2 ข้อเสนอ  เพื่อเร่งหาทางออกต้นทุนพลังงานสูง ห่วงค่าไฟขึ้นทำให้ราคาสินค้าเพิ่ม 5-12%


นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจุบันราคาพลังงานมีความผันผวน และเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากวิกฤติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอุตสาหกรรมทั้งในภาคการผลิต ภาคบริการและครัวเรือน ได้รับผลกระทบอย่างมาก และจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) แสดงให้เห็นว่าสาเหตุหลักที่ค่าพลังงาน และค่าไฟฟ้าของประเทศไทยสูงกว่าตลาด เมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียง เกิดจากการที่ประเทศไทยพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ (NG / LNG) มากเกินไป และยังขาดแผนสำรองที่ดีในการบริหารก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ส่งผลให้การผลิตก๊าซต้นทุนต่ำจากอ่าวไทยต่ำกว่าแผนมาก  อีกทั้งประเทศเมียนมาลดการส่งก๊าซลง ส่งผลให้ต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวแบบสัญญาจร(Spot LNG) ที่มีราคาสูงมากกว่าก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเข้ามาเสริม 

นอกจากนี้ จากการคาดการณ์ความต้องการขาย (Demand) สูงเกินไป และการเปิดการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนมากเกินความจำเป็น จึงก่อให้เกิดความต้องการซื้อ (Supply) ของโรงไฟฟ้ามากกว่าความต้องการขาย (Demand) ถึง 52% ส่งผลให้เป็นภาระต้นทุนของประเทศไทยในระยะยาว และอีกหนึ่งสาเหตุ คือ ประเทศไทยยังขาดกลไกตลาดเสรีของพลังงานและไฟฟ้าที่ยังไม่มี Third Party Access ที่เป็นการเปิดโอกาสให้เอกชนสามารถใช้ระบบส่ง/จำหน่ายไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายไฟฟ้าผ่านสายส่ง/จำหน่ายของการไฟฟ้าทั้ง 3 หน่วยงานได้ 


นายอิศเรศ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ส.อ.ท. ติดตามถึงสถานการณ์ความผันผวนและราคาพลังงาน รวมถึงการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าที่ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบมาโดยตลอด ซึ่งได้มีการทำหนังสือยื่นเสนอข้อร้องเรียนถึงรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงานไปแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคม- พฤศจิกายน 2565 ทั้งเรื่องแนวทางการแก้ไขต้นทุนพลังงาน การชะลอการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ปัญหาสูตรโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติภาคอุตสาหกรรม แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้รับการประสานงานเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว 

ทั้งนี้ ขอให้ภาครัฐพิจารณาถึงข้อเสนอของ ส.อ.ท. เพื่อหาทางออกต้นทุนพลังงานสูงเป็น 2 ประเด็นหลักๆ คือ ข้อเสนอทางออกค่าไฟฟ้า ขอให้ชะลอการขึ้นค่าไฟฟ้าในงวดเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ออกไปก่อน  และปลดล็อคกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินการ เช่น การขอใบอนุญาต รง.4 (กรณีมีการจำหน่ายไฟฟ้าให้ภาครัฐ) การขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งโซล่าเซลล์ (Solar Cell) ในโรงงานอุตสาหกรรมและภาคบริการ การส่งเสริมการดำเนินงานร่วมกับ บีโอไอ ให้รวดเร็วและครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และการเพิ่มสัดส่วนเอทานอลด้วยน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วผสมกับเอทานอล (E20) เป็นต้น และ ข้อเสนอทางออกค่า NG โดยผลักดันให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นตัวกลางในการหาทางออกร่วมกัน เพื่อบรรเทาภาระระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ รวมทั้งรัฐบาลควรเร่งตั้งทีมเจรจากับประเทศกัมพูชา เพื่อนำพลังงานจากพื้นที่ไหล่ทวีปคาบเกี่ยวไทย-กัมพูชา (Overlapping Claimed Area: OCA) มาใช้ประโยชน์ร่วมกัน

 “ค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ถูกปรับขึ้นถึง 68.66 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 17% เป็น 4.72 บาท/หน่วย ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากอยู่แล้ว หากมีการปรับขึ้นอีกในงวดเดือนมกราคม-เมษายน2566 จะเป็นการปรับค่าไฟฟ้าขึ้นที่รุนแรงมากถึงสองงวดติดต่อกัน และจะส่งผลกระทบรุนแรงมาก จนยากต่อการปรับตัวของทุกภาคส่วน ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอยเกินคาด รวมทั้งเป็นการบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศ” นายอิศเรศ กล่าว


เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่ประชาชน ภาครัฐควรพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาต้นทุนพลังงานสูงและการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากราคาพลังงานปรับเพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 5-12% .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ลุยเอง นำทีมบุกจับบ่อนดอนเมืองในตำนาน

ดอนเมือง 28 ส.ค. – “ภูมิธรรม” นำทีมชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “สิงห์ปราบพยศ” ทลายบ่อนเปิดซ้ำซากย่านดอนเมือง รวบ 200 นักพนัน เงินหมุนเวียนมหาศาลกว่า 500 ล้านบาทต่อเดือน ย้ำ “ขบวนการตาสับปะรดของประชาชนคือเบาะแสสำคัญ” ร่วมกันสร้างสังคมปลอดอบายมุข ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดปฏิบัติการสิงห์ปราบพยศ ปิดล้อมทลายบ่อนดอนเมืองในตำนาน เป็นจุดที่โดนทั้งตำรวจ ทหาร และกรมการปกครอง บุกเข้าจับกุมนับครั้งไม่ถ้วน ครั้งนี้กรมการปกครองนำกำลังเข้าพื้นที่ตามช่องทางเข้า-ออกทุกทาง พบมีประตูเหล็กขนาดใหญ่ปิดกั้นอยู่ จึงใช้อุปกรณ์ตัดเหล็กเข้าตัดประตูเป็นช่องเพื่อให้เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปด้านใน ภายในพบนักพนันกว่า 200 คน โดยใช้พื้นที่ของสนามฟุตบอลหญ้าเทียม และพื้นที่อาคารที่อยู่ใกล้เคียง เป็นห้องพนันแบบครบวงจร 5 ห้อง นอกจากนี้ยังมีการตั้งร้านอาหารและน้ำดื่ม เหมือนเป็นตลาดนัดย่อมๆ ในพื้นที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาตรวจสอบในจุดดังกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า บ่นพนันดังกล่าวพบมียอดเงินหมุนเวียนกว่า 5-10 ล้านบาทต่อวัน มีเงินหมุนเวียนแล้วเดือนละ 300-400 ล้านบาท โดยจะเปิดให้เล่นตั้งแต่ […]

อุตุฯ เผยภาคเหนือฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 28 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ […]

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย