กรุงเทพฯ 9 ธ.ค.-5 ปี EEC อนุมัติการลงทุนสูงถึง 1.92 ล้านล้านบาท เกินเป้าที่วางไว้ 1.7 ล้านล้านบาท ก้าวสู่ที่ตั้งและฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า EV แห่งภูมิภาค เร่งดึงนักลงทุนต่อเนื่อง
การประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) โดยมี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานการประชุมฯ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้รับทราบ และพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
ที่ประชุม กบอ. รับทราบ ความก้าวหน้าโครงการอีอีซี ในปี 2565 ซึ่งได้ประสบผลสำเร็จต่อเนื่อง จากการสนับสนุนของรัฐบาล การบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน ท้องถิ่น และประชาชน โดยโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้ง 4 โครงการหลัก (รถไฟความเร็วสูงฯ สนามบินอู่ตะเภาฯ ท่าเรือมาบตาพุด และแหลมฉบัง) ได้ทยอยเข้าสู่ขั้นตอนก่อสร้างแล้ว การผลักดันและเร่งรัดการลงทุนระยะที่ 1 (2561 – 2565) เกิดการอนุมัติงบลงทุนสูงถึง 1.92 ล้านล้านบาท เกินเป้าหมาย 1.7 ล้านล้านบาท สามารถดึงการลงทุนจากเอกชนรายใหญ่ เช่น บริษัท โซนี่ พิคเจอร์ และอเมซอนฟอลส์ เปิดสวนน้ำโคลัมเบีย อควาเวิร์สแห่งแรกของโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ 20 ล้านคน เกิดมูลค่าเศรษฐกิจกว่า10,000 ล้านบาท
พื้นที่ อีอีซี ก้าวสู่ที่ตั้งและฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า EV แห่งภูมิภาค โดยมี บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ ลงทุน 22,000 ล้านบาท บริษัท บีวายดี (BYD) ลงทุนรวม 17,891 ล้านบาท บริษัท EVlomo ร่วมทุนโครงการผลิตแบตเตอรี่ใหญ่สุดในอาเซียน ลงทุน 33,000 ล้านบาท บริษัท ฮอริซัน พลัส (ปตท.ร่วม Foxconn) เงินลงทุนกว่า 36,100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มตำแหน่งงานไม่น้อยกว่า 6,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ อีอีซี ได้เร่งเชิญชวนและพบปะนักลงทุนต่อเนื่อง อาทิ การจัดเวทีประชุมไทย-ซาอุฯ ซึ่งคาดว่าจะเกิดการลงทุนสูงถึง 300,000 ล้านบาท
การเชิญชวนกลุ่มนักธุรกิจเยอรมนี สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจBCG โดยอีอีซี ตั้งเป้าหมายเกิดการลงทุนในระยะที่ 2 ให้ได้ 2.2 ล้านล้านบาทใน 5 ปี (2566 – 2570) มีเงินลงทุนประมาณ ปีละ 400,000 – 500,000 ล้านบาท ภาพรวมเศรษฐกิจอีอีซีจะขยายตัวได้ 7-9% ต่อปี และทำให้ประเทศไทยขยายตัวได้ประมาณ 5% ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
การเพิ่มประโยชน์สัญญาณ 5G ที่ครอบคลุมพื้นที่ อีอีซี 100% เพื่อขับเคลื่อนระบบ Automation ในโรงงานและธุรกิจช่วยลดต้นทุนได้กว่า 30% ตั้งเป้าจะสามารถปรับสู่โรงงานอัจฉริยะไม่น้อยกว่า 10,000 โรงงานภายใน 5 ปี การพัฒนาระดับชุมชน ซึ่งได้เกิดชุมชนอัจฉริยะต้นแบบที่บ้านฉาง ต่อยอดไปถึงโรงพยาบาล ระบบเกษตรอัจฉริยะเป็นต้นรวมถึงการพัฒนาบุคลากร ที่สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนชั้นนำ เช่น หัวเว่ย มิตซูบิชิ ซิสโก้ แพลนเน็ตคอม ตั้งเป้าหมายพัฒนาบุคลากรดิจิทัลให้ได้ 30,000 คน ในเวลา 3 ปี และในภาพใหญ่อีอีซี ได้มุ่งมั่นสร้างบุคลากร แนวคิดผลิตคนตรงความต้องการ (EEC Demand driven) ร่วมกับ 3 กระทรวง (ศึกษาธิการ/แรงงาน/อว.) คาดว่าในปี 2566 จะสามารถผลิตได้ประมาณ 151,062 คน และจะดำเนินการให้ได้ตามเป้าหมาย 475,668 คน
อีอีซี ได้บูรณาการลงทุนร่วมกับทุกภาคส่วน สร้างผลประโยชน์ตรงถึงคนไทย การบริหารจัดการสาธารณูปโภค น้ำไฟฟ้า ขยะ ให้ทันสมัยเพียงพอ และใส่ใจสิ่งแวดล้อม การยกระดับเศรษฐกิจชุมชน นำเทคโนโลยี ความรู้ สนับสนุนด้านการเงิน ให้การขายผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP ตรงความต้องการตลาด และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้ภาคการท่องเที่ยว เกษตรกรและชุมชน รวมถึงโครงการสินเชื่อพ่อค้า-แม่ขาย และ SMEs เพื่อบรรเทาหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยร่วมกับ 7 สถาบันการเงิน อาทิ ธนาคารออมสิน กรุงไทย บสย. ธกส. ซึ่งสนับสนุนแล้ว 51,420 ราย เป็นเงินช่วยเหลือประมาณ 34,000 ล้านบาท เป็นต้น 2.ยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง 2 รักษาได้ทันการ ปลอดภัย มีคุณภาพ ลดการเดินทางออกนอกพื้นที่
ที่ประชุม กบอ. รับทราบ โครงการยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง 2 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ EEC Project List มีกระทรวงสาธารณสุข และ สกพอ. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกันดำเนินการ โดยจะดำเนินการในรูปแบบการลงทุนรัฐร่วมเอกชน (PPP) ซึ่งจะเป็นต้นแบบการลงทุนขยายโรงพยาบาลของรัฐโดยความร่วมมือจากเอกชน พัฒนาให้เป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็ก (M1) รองรับได้ 120/200 เตียง และจะช่วยแก้ข้อจำกัดด้านงบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุข
โดยแผนการดำเนินงานที่สำคัญต่อไป จะเตรียมเสนอให้ที่ประชุม กพอ. พิจารณาเห็นชอบในหลักการโครงการ ฯ และคาดว่าจะประกาศเชิญชวนการคัดเลือกเอกชน ได้ในช่วงกลางปี 2566 และคาดว่าจะสามารถประกาศผลการคัดเลือกพร้อมลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับภาคเอกชน เพื่อยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง 2 ได้ในช่วงปลายปี 2566 .-สำนักข่าวไทย