MEA โชว์นวัตกรรม EV Charger ครบวงจรงาน Motor Expo 2022

MEA โชว์นวัตกรรมด้าน EV Charger พร้อมให้บริการครบวงจร ใน “งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 Thailand International Motor Expo 2022”


เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้า มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EV อย่างต่อเนื่อง ในครั้งนี้ได้เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 Thailand International Motor Expo 2022 เพื่อรวบรวมบริการ และนวัตกรรมของ MEA ที่เกี่ยวข้องกับ EV มาทั้งหมด โดยเริ่มจากบริการ KEN by MEA ในการติดตั้งระบบไฟฟ้ารองรับ EV Home Charger ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานสูงสุด มีการควบคุมคุณภาพด้วยการตรวจสอบทุกขั้นตอน โดยผู้เข้าร่วมงาน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่บริเวณหมายเลขบูท V7, V8 อาคาร Challenger 1-3 IMPACT เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ถึง 12 ธันวาคม 2565

รองผู้ว่าการ MEA กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ Package การติดตั้งระบบไฟฟ้ารองรับ EV Home Charger ยังครอบคลุมการติดตั้งเครื่องตัดวงจรกระแสเกิน เครื่องตัดไฟรั่ว (RCD) Type B ซึ่งเป็นการยกระดับความปลอดภัยจากมาตรฐานการติดตั้งทั่วไป โดย MEA ได้คำนึงถึงความเพียงพอต่อการใช้งาน EV Home Charger รวมถึงการขยายการใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติมในอนาคตภายในบ้าน ตลอดจนอุปกรณ์ของ MEA ที่มาต่อเชื่อมเพิ่มเติมด้านระบบไฟฟ้า เช่น กล่องต่อสาย ท่อร้อยสายไฟฟ้า อุปกรณ์จับยึดสายต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่ง MEA มีการออกแบบ การพิจารณาเลือกใช้อุปกรณ์ รวมถึงสามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้ง ในกรณีฉุกเฉิน MEA ยังมี Call Center 1130 ตลอด 24 ชั่วโมง รับแจ้งปัญหาการขัดข้องของระบบ EV Charger เพื่อให้ MEA เข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า


สำหรับผู้สนใจติดตั้ง EV Charger สามารถเลือกรับบริการจาก KEN by MEA ได้ 2 Package คือ Package ติดตั้ง EV Charger ขนาด 7.4 kW 1 Phase ราคา 29,000 บาท และ Package ติดตั้ง EV Charger ขนาด 22 kW 3 Phase ราคา 46,000 บาท ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของคุณสมบัติแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่เลือกใช้ โดยทั้ง 2 Package ดังกล่าวยังครอบคลุมการติดตั้งสายเมนที่ 2 สำหรับ EV, อุปกรณ์ป้องกันกระแสเกินหลัก Main CB 40A, อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว RCD Type B 40A และระบบสายดิน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

นอกจากนี้ MEA ยังมีบริการทดสอบอุปกรณ์อัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มต่าง ๆ โดยให้บริการครอบคลุมการทดสอบในห้องปฏิบัติการ (In laboratory test) และการทดสอบ ณ สถานีอัดประจุไฟฟ้า (On site test) เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์อัดประจุไฟฟ้าเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การทดสอบระบบการสื่อสารระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับอุปกรณ์อัดประจุไฟฟ้า และ Server ของ MEA มีการจำลองสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อดูการทำงานของอุปกรณ์อัดประจุไฟฟ้า ตลอดจนการทดสอบด้านความปลอดภัยหลัง อีกทั้งยังมีบริการตรวจสอบประจำปี เสมือนการตรวจสภาพรถยนต์ ทำมั่นใจว่าอุปกรณ์อัดประจุยังมีคุณภาพดี และปลอดภัยกับผู้ใชังาน

ขณะเดียวกัน MEA ยังได้นำนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ MEA วิจัยและพัฒนามาจัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชาร์จเจอร์รุ่นล่าสุดที่ได้ร่วมกับ SCG Chemical ซึ่งมีการออกแบบด้วยวัสดุที่แข็งแรงส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบเซ็นเซอร์ป้ายทะเบียนรถที่ MEA จัดทำขึ้น สามารถนำมาใช้ต่อยอดในธุรกิจการชาร์จ EV ในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ อีกทั้งผู้มาร่วมชมบูทของ MEA ยังจะได้พบกับบริการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ที่ MEA พร้อมให้บริการตั้งแต่การออกแบบระบบ คำนวณขนาดที่เหมาะสม ประเมินมุมแสงตกกระทบรวมถึงการป้องกันน้ำรั่วซึมจากหลังคาที่ติดตั้งแผง และที่สำคัญคือการติดตั้งให้สามารถบำรุงรักษาและทำความสะอาดได้ง่าย โดยทั้งหมดนี้ MEA จัดเต็มโปรโมชันให้กับลูกค้าภายในบูทของ MEA บริเวณหมายเลขบูท V7, V8 อาคาร Challenger 1-3 IMPACT เมืองทองธานี หรือ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่สนใจงานบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเกี่ยวเนื่องของ MEA ดูรายละเอียดบริการ KEN by MEA ได้ที่ https://www.mea.or.th/minisite/ken และสามารถติดต่อ KEN by MEA ได้ผ่านช่องทาง ken@mea.or.th และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 ตลอด 24 ชั่วโมง “ถามมืออาชีพ ถาม KEN”


ที่ผ่านมา MEA ได้ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 เป็นวาระครบรอบ 10 ปี ที่ MEA ขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EV มีโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาครอบคลุมทั้งในด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้า และรูปแบบยานยนต์ไฟฟ้าต่าง ๆ มีการสร้าง MEA EV Application ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้รถ EV อย่างครบวงจร สามารถค้นหาพิกัดสถานีอัดประจุไฟฟ้าของทุกแบรนด์ชั้นนำ มีการดำเนินโครงการมหานครสดใส ชาร์จไฟกับ MEA ปัจจุบันมีการตั้งสถานีชาร์จ 24 แห่ง และอยู่ระหว่างขยายจำนวนเพิ่มถึง 100 หัวเครื่องชาร์จ เพื่อให้บริการทั้งลูกค้าอย่างเพียงพอ

อีกทั้งยังมีการส่งเสริมให้มีการเติบโตของธุรกิจบริการสถานีชาร์จยานยนต์ EV ด้วยการประกาศใช้อัตรา Low priority ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสถานีชาร์จมีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต่ำ พร้อมอำนวยความสะดวกในการขอใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจสถานีชาร์จ และให้คำแนะนำอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านช่องทาง Online ที่สามารถติดต่อกับ MEA ได้สะดวก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]