เวทีเสวนาธนาคารกลาง BIS แนะใช้ดิจิทัลให้บริการทางการเงิน

ธปท. 2 ธ.ค. – เวทีเสวนาธนาคารกลาง BIS แนะใช้ดิจิทัลให้บริการทางการเงิน เดินหน้าทดสอบใช้สกุลเงินดิจิทัล ออกโดยธนาคารกลาง โอนเงินระหว่างประเทศ


นางสาวณชา อนันต์โชติกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. แถลงสรุปผลการประชุม BIS การเสวนาในหัวข้อ A Digitalised Monetary System in the Making?

ผู้ร่วมเสวนาได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มพัฒนาการด้านเทคโนโลยีในอนาคตและผลกระทบต่อระบบการเงิน โดยเห็นว่าในอนาคตการเข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ จะเป็นไปได้ง่ายขึ้น และภาคการเงินมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจและให้บริการลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ร่วมเสวนาเห็นประโยชน์จากเทคโนโลยีต่อระบบการเงินในการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มการเข้าถึง (access) ได้ สามารถสนองตอบความต้องการของสังคม รวมทั้งเอื้อให้เกิดการแข่งขันในตลาดจากการที่บริษัทขนาดเล็กสามารถใช้เทคโนโลยีในการเข้าแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น


อย่างไรก็ดี การพัฒนาของเทคโนโลยีนำมาซึ่งความเสี่ยงที่ผู้กำกับดูแลควรตระหนักถึง เช่น การใช้เทคโนโลยีโดยผู้เล่นในภาคการเงินที่ขาดความเข้าใจในเทคโนโลยีนั้นอย่างแท้จริง ความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ให้บริการเทคโนโลยีที่อาจมีการกระจุกตัว ความเสี่ยงด้านไซเบอร์และอาชญากรรมด้านไซเบอร์ (cyber risk and cybercrime) ที่สูงขึ้น ความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัว (privacy) และการรั่วไหลของข้อมูล เป็นต้น ซึ่งผู้กำกับดูแลควรมีแนวทางในการเสริมสร้างความเชี่ยวชาญเพื่อให้สามารถกำกับดูแลได้อย่างเท่าทัน

นอกจากนี้ผู้ร่วมเสวนาได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อมูลซึ่งจะมีความสำคัญมากขึ้นจากการพัฒนาของเทคโนโลยี โดยเห็นว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลซึ่งจะช่วยให้ภาคการเงินสามารถใช้ข้อมูลเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนได้ อาทิ ช่วยให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้นในต้นทุนที่เหมาะสม

ผู้ร่วมเสวนากล่าวถึงสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency : CBDC) ว่ามีหลายประเทศอยู่ในช่วงการทดสอบหรือทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว โดยในปัจจุบันมีการศึกษาและทดลองการใช้งานในธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศ (cross-border) การใช้งานระหว่างสถาบันการเงิน (wholesale) และการใช้สำหรับรายย่อย (retail) ซึ่งการใช้งานสำหรับธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศ และการใช้งานระหว่างสถาบันการเงินนั้นมีประโยชน์ที่ชัดเจนในหลายด้าน เช่น การลดระยะเวลาและต้นทุนการทำธุรกรรม เพิ่มความโปร่งใสของธุรกรรม รวมถึงสามารถรองรับการใช้งานในรูปแบบอื่นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ เช่น ธุรกรรมการโอนสินทรัพย์ในโลกจริงที่ถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล หรือโทเคน (tokenized asset) ระหว่างประเทศ ในขณะที่การใช้งาน CBDC สำหรับรายย่อยนั้นอาจยังมีรูปแบบและแนวทางการใช้งานไม่ชัดเจนนัก แต่ธนาคารกลางควรมีความพร้อมเพื่อรองรับการพัฒนาใช้งานจริงได้เช่นกัน ทั้งนี้ การใช้งาน CBDC สำหรับรายย่อยอาจช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินสำหรับประเทศที่ประชาชนยังไม่สามารถเข้าถึงระบบการชำระเงินในปัจจุบันได้


ทั้งนี้ อุปสรรคสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ภาคการเงินนั้น อาจไม่ได้เกิดจากข้อจำกัดของความสามารถในการเข้าถึงหรือการทำงานร่วมกัน (interoperability) แต่อาจเกิดจากการขาดแรงจูงใจของผู้ให้บริการทางการเงินที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ การวางบทบาทของผู้ให้บริการแต่ละราย และกฎหมายและหลักเกณฑ์ โดยเฉพาะในธุรกรรมระหว่างประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศอาจมีหลักเกณฑ์ที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ดี การกำหนดกฎหมายและหลักเกณฑ์อาจไม่ได้เป็นหน้าที่ของภาครัฐหรือผู้กำกับดูแลเพียงอย่างเดียว แต่ภาคเอกชนเองควรมีบทบาทในการกำกับดูแลตนเอง (self-governing) เช่นกัน

Kevin Rudd in conversation with Tao Zhang : Asia in 2050
Dr.Rudd มองว่าภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี โลกกำลังเผชิญความเสี่ยงที่สำคัญในระยะปานกลางจากแรงกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitical tensions) และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (climate change) โดยชี้ว่าการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากได้รับการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ (managed strategic competition) จะสามารถจำกัดความเสี่ยงของการปะทุของความขัดแย้งและผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงอาจยังสามารถสร้างพื้นที่เพื่อสร้างความร่วมมือในบางด้านได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินโลกผ่านธนาคารกลางทั่วโลกซึ่งอยู่บนหลักการเดียวกัน ถึงแม้ว่าในปัจจุบันแรงกดดันภูมิศาสตร์จะยังไม่รุนแรงถึงขั้นสงครามเย็นในอดีต แต่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกระแสโลกาภิวัตน์ (globalization) และความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจการค้า

ทั้งนี้ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ (อาทิ UN G20 WTO IMF และ WB) ซึ่งมี mandates อยู่เหนือ national interests จำเป็นต้องช่วยสนับสนุน globalization ในฐานะ global public goods ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการเศรษฐกิจโลกในหลายทศวรรษที่ผ่านมา

สำหรับการเตรียมพร้อมเศรษฐกิจเพื่อรองรับผลกระทบจาก climate change แม้ว่าภูมิภาคเอเชียนับเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของ global CO2 emission (ประมาณการสำหรับปี 2025) แต่การปรับตัวไปใช้พลังงานหมุนเวียนค่อนข้างล่าช้ากว่าภูมิภาคอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ในระยะที่ผ่านมา เอเชียมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในด้านนี้ โดยเฉพาะทิศทางนโยบายของประเทศขนาดใหญ่ อาทิ จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจโดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (green transition) มากขึ้น นับเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของทั้งภูมิภาค.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น

วันแรก ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน

สถิติวันแรก 10 วันอันตราย ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน​ “เพิ่มพูน” เน้นทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เข้มเรื่องกฎหมาย