กรุงเทพฯ 30 พ.ย.- IRPC ตั้งคณะทำงาน SOS ฝ่าเศรษฐกิจโลกผันผวนปีหน้าตั้งเป้า EBITDA ปี 66 สูงกว่าปีนี้ ตั้งงบลงทุน 5 ปี 36,000 ล้านบาท ลุยลงทุนธุรกิจใหม่ พลาสติกเกรดพิเศษเพิ่มสัดส่วนแตะ 40% ในปี 73
นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่าในปี2566 ยังเป็นปีที่ธุรกิจพลังงานมีความผันผวน สืบเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกมีแนวโน้มจะถดถอย กระทบมายังราคาปิโตรเคมี ในขณะที่จีนคาดว่าจะมีการส่งออกเม็ดพลาสติกเข้าตลาดเป็นจำนวนมาก ส่วนราคาน้ำมันยังทรงตัวระดับสูง ดังนั้น บริษัทจึงทำแผนรับมือ โดยทุกหน่วยงานจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพลดรายจ่ายให้มากที่สุด หลังจากที่ไตรมาส4/65 ลดรายจ่ายไม่ได้กว่า 400 ล้านบาท รวมทั้งตั้งคณะทำงาน SOS ในการรับมือสถานการณ์ทุกด้านและปรับเปลี่ยนการดำเนินการตามสถานกาณ์ได้ทันท่วงที ด้วยมาตาการเหล่านี้ บริษัทจึงเชื่อมั่นว่าปีหน้าจะมี กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) สูงกว่าปีนี้ และรายได้คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 12% จากกำลังการผลิตที่ดีขึ้น หลังจากปีนี้มีการปิดซ่อมบำรุงเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงควบคุมต้นทุนต่อเนื่อง และไม่น่าจะไม่มีผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง (Hedging Loss) เหมือนในปีนี้ที่คาดว่าจะขาดทุนจากส่วนนี้ถึง 9 พันล้านบาท เป็นผลมาจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ขณะที่ปีนี้ คาดว่าจะมีกำไรจากการสตอกน้ำมัน (Stock gain) บนราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 94-96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากปีก่อนที่มีราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 78.4 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบปี 66 อยู่ที่ 89-92 เหรียญ/บาร์เรล
สำหรับแผนลงทุนในระยะเวลา 5 ปี (66-70)จะใช้ประมาณ 36,000 ล้านบาท ในส่วนนี้จะเป็นวงเงินในธุรกิจที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเช่นการซื้อกิจการหรือร่วมลงทุนใหม่ ประมาณ 14,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จาการผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกเกรดพิเศษจากธุรกิจใหม่เป็น 40% ในปี2573 จากปนี้อยู่ที่ 24% และคาดปี2566น่าจะเพิ่มเป็น 33% เพื่อลดความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity)
โดยมุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Smart Material ที่สอดคล้องกับทิศทางของโลก อาทิ ด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ (Health and Wellness) ที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ของผู้คนปัจจุบัน โดยในปีนี้ได้ดำเนินการลงทุนโครงการเม็ดพลาสติกพีพี สปันบอนด์ (PP Spunbond) 200,000 ตันต่อปี เพื่อรับกระแสการดูแลสุขภาพ และขยายการลงทุนโครงการพีพี เมลต์โบลน (PP Meltblown) 40,000 ตันต่อปี รวมถึงพีพีอาร์ (PPR: PP random copolymer pipe) 80,000 ตันต่อปี ใช้ผลิตท่อน้ำร้อนน้ำเย็นชนิดทนทานพิเศษไร้สารทาเลตได้เป็นรายแรกของภูมิภาค และเอชดีพีอี 100- อาร์ซี (HDPE 100-RC) 40,000 ตันต่อปี ใช้ผลิตท่ออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานนานถึง 100 ปี
ทั้งนี้ จะใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นขับเคลื่อนและขยายธุรกิจปัจจุบันเข้าสู่ 5 กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ Health and Life Science, Advanced Material, Circular Business, Future Energy และ Energy Storage โดยใช้ความรู้ด้านนวัตกรรมและแสวงหาความร่วมมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจ ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตามกลยุทธ์ 3C ซึ่งประกอบด้วย Climate Change, Circular Economy และ Creating Shared Value สร้างความยั่งยืนให้องค์กร และส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษภายใต้แบรนด์ “POLIMAXX” สามารถตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต โดยเพิ่มตราสัญลักษณ์แสดงคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์
IRPC ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลง 20% ภายในปี ค.ศ. 2030 จากปีฐาน ค.ศ.2018 และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ.2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ.2060 โดยล่าสุดได้ร่วมกับกลุ่ม ปตท. ในการศึกษาพัฒนาและลงทุนผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) เพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก และยังเสนอสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อขายไฟฟ้าโครงการโซลาร์ฟาร์มในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา กำลังผลิต 75 เมกะวัตตีกด้วย.-สำนักข่าวไทย