กทม. 16 พ.ย. – ตลาดหลักทรัพย์ฯ แถลงความคืบหน้ากรณีหลักทรัพย์ MORE หลังพบธุรกรรมการซื้อขายผิดปกติในช่วงที่ผ่านมา โดย 11 โบรกเกอร์ได้แจ้งความ ปอศ. ผู้เกี่ยวข้องซื้อขายหุ้น MORE ผิดปกติเสียหายกว่า 4 พันล้านบาท
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. พร้อมด้วยนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) แถลงความคืบหน้ากรณีหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) หลังพบธุรกรกรรมการซื้อขายที่ผิดปกติในช่วงที่ผ่านมา ว่า ตลท.ขึ้นเครื่องหมาย SP หยุดพักการซื้อขายหุ้น MORE ในวันที่ 15-18 พ.ย.65 ล่าสุด MORE ได้ออกมาชี้แจงว่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ไม่ได้ทำรายการซื้อ-ขายหุ้น MORE ในวันที่ 10-11 พ.ย.65 แม้แต่เพียงหุ้นเดียว นอกจากนี้ บริษัทไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการและการบริหาร หรือโครงสร้างอำนาจควบคุมด้านการบริหารของบริษัทแต่อย่างใด แต่หากจะมีการเปลี่ยนแปลงก็จะแจ้งให้ทราบต่อไป
นายภากร กล่าวว่า จากความผิดปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ที่พบในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 สภาพการซื้อขายผิดปกติ โดยมีราคาปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด +4.3% จากราคาปิดในวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งวันที่สูงมากถึง 7,143 ล้านบาท (เฉลี่ย 30 วันก่อนหน้าอยู่ที่เพียง 360 ล้านบาท) ทั้งนี้ ในช่วงที่เปิดตลาด มีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 1,500 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ เกือบ 4,300 ล้านบาท
ลักษณะของการส่งคำสั่งซื้อขายที่ผิดปกติ คือฝั่งซื้อ พบว่าเป็นการส่งคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อเพียง 1 ราย ผ่านบริษัทสมาชิกหลายแห่งที่ราคา 2.90 บาท ส่วนฝั่งขาย พบว่ามีการส่งคำสั่งขายเป็นจำนวนมากจากผู้ขายหลายรายที่ระดับราคาใกล้เคียงกับราคาเสนอซื้อ โดยมีจำนวนที่สั่งขายตั้งแต่ประมาณ 70 ล้านหุ้น/ราย ไปจนถึงประมาณ 600 ล้านหุ้น/ราย
และทันทีเมื่อเปิดตลาด ได้เกิดการจับคู่ซื้อขายกับผู้ขายหลายรายผ่านบริษัทสมาชิกหลายแห่ง หลังจากนั้นภายในไม่ถึง 20 นาที หลังเปิดตลาด ราคาได้ทยอยปรับตัวลงจนไปต่ำสุดที่ Floor ที่ราคา 1.95 บาท และปิดตลาดที่ราคาดังกล่าว ซึ่งฝ่ายกำกับการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แจ้งเตือนบริษัทสมาชิกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
สำหรับผลกระทบที่มีต่อเนื่องมาถึงการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 หลังเปิดการซื้อขาย ราคาหลักทรัพย์ MORE เปิดตลาดที่ราคา Floor ในทันทีที่ราคา 1.37 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง โดยลดเหลือเพียง 134 ล้านบาท จากกว่า 7,000 ล้านบาท ในวันก่อนหน้า โดยการดำเนินการร่วมกันของบริษัทสมาชิก สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) และตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นมา ได้มีการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการรวบรวมข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ทั้งหมด เพื่อที่จะร่วมกันทำการตรวจสอบธุรกรรมที่ต้องสงสัยจากการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแล ได้พบธุรกรรมที่ต้องสงสัย
สำหรับธุรกรรมที่ได้ตรวจสอบแล้ว หากไม่พบความผิดปกติ บริษัทสมาชิกก็ได้ดำเนินการจ่ายเงินให้แก่ลูกค้าไปแล้ว ส่วนธุรกรรมที่พบความผิดปกติ บริษัทสมาชิกก็จำเป็นที่จะต้องทำการตรวจสอบลูกค้าอย่างเข้มข้น และได้มีการระงับการทำธุรกรรมในบัญชีดังกล่าวของลูกค้าระหว่างที่ทำการตรวจสอบ ซึ่งเป็นหน้าที่ของบริษัทสมาชิกตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้เข้ามาทำการสอบสวน มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี โดยในวันนี้ (16 พฤศจิกายน 2565) บริษัทสมาชิกหลายแห่งได้ไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) แล้ว ดังนั้นขอให้ใครก็ตามที่มีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ที่ผิดปกติ สามารถมาติดต่อให้ข้อมูลได้ผ่านทาง SET Contact Center ที่ 0 2009 9999 เพื่อที่จะทำการรวบรวม และประสานนำส่งให้แก่พนักงานสอบสวนต่อไป
ด้านตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจาก 11 บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีความผิดปกติในการซื้อขายหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) เพื่อเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น MORE ในลักษณะผิดปกติ ในวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 7,142 ล้านบาท ซึ่งสร้างความเสียหายแก่บริษัทหลักทรัพย์หลายรายมีมูลค่ากว่า 4.5 พันล้านบาท
พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยจะจัดพนักงานสอบสวนแยกสอบปากคำผู้เสียหายแต่ละราย เพื่อรวบรวมข้อมูลพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้าร้องเรียนกับผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งชุดพนักงานสอบสวนขึ้นมาดำเนินการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ทันที. – สำนักข่าวไทย