ครม.เคาะ 8.1 หมื่นล้านบาท หนุนประกันรายได้เกษตรกร 

ทำเนียบฯ 15 พ.ย.- ครม.ควักกระเป๋า ประกันรายได้ชาวนา พร้อมมาตรการคู่ขนาน ปีการผลิต 65/66 วงเงิน 81,266 ล้านบาท


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว พร้อมมาตรการคู่ขนาน และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/2566 อนุมัติวงเงิน 81,265 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในราคาเหมาะสมกับต้นทุนการผลิต หวังป้องกันความเสี่ยงจากการจำหน่ายผลผลิต และได้ออกมาตรการคู่ขนานเพื่อการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำควบคู่กัน  

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ประกอบด้วย 


  1. โครงการประกันรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 เป้าหมายเกษตรกร 4.68 ล้านครัวเรือน โดยจ่ายส่วนต่างระหว่างราคาเกณท์กลางอ้างอิง (ราคาตลาด) และราคาประกันรายได้ (10,000 -15,000 บาทต่อตัน ตามชนิดข้าว) วงเงินรวม 18,700 ล้านบาท
  2. มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 ประกอบด้วย 3 โครงการ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำ รวม 7,482.69 ล้านบาท ได้แก่ (1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2565/66 วงเงิน  7,107.69 ล้านบาท เป็นการจ่ายสินเชื่อเพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 2.5 ล้านตันข้าวเปลือก รวมทั้งค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวในอัตรา 1,500 บาทต่อตัน (2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร เป็นการสนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหการณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป  วงเงิน 375 ล้านบาท (3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสตอก เป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการให้เก็บสตอกในรูปแบบข้าวเปลือกและข้าวสาร เป้าหมายเพื่อดูดซับ 4 ล้านข้าวเปลือก เก็บสตอกไว้อย่างน้อย 60-180 วัน (2-6 เดือน) นับตั้งแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตรร้อยละ 3 ใช้จ่ายจากงบปกติของกรมการค้าภายในหรือเงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
  3. โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2565/66 เป้าหมาย4.68 ล้านครัวเรือน ซึ่งจะจ่ายเงินตรงให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท วงเงิน  55,083.09 ล้านบาท 

สำหรับการจัดสรรวงเงินงบประมาณ เบื้องต้นเป็นไปตามกรอบมาตรา 28 ของ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐพ.ศ. 2561 โดยโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมาตรการคู่ขนานและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 ได้ดำเนินการเช่นเดียวกับการดำเนินการตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวย้ำในที่ประชุม ครม. ว่า เป้าหมายการส่งออกข้าวไทยในปีนี้จะสูงถึง 7.5 ล้านตัน.- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

กกต.สั่งเอาผิดอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ

กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ตรงความเป็นจริง โทษหนักทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ 5 ปี

ข่าวแนะนำ

นายกฯ​ ขอบคุณสื่อร่วมทำงาน บอกเป็นคนตรงๆ ไม่ค่อยคิดร้าย

นายกฯ​ ขอบคุณสื่อร่วมทำงาน บอกอายุน้อยที่สุดต้องสร้างความสดใสทุกวงการ​ ขอให้เข้าใจคาแรคเตอร์ส่วนตัวเป็นคนตรง-โผงผาง​ ไม่ค่อยคิดร้ายกับใคร

เลขาฯ กฤษฎีกา ยันยังไม่มีข้อสรุปปม “กิตติรัตน์”

“เลขาฯ กฤษฎีกา” ยันยังไม่ปัดตก “กิตติรัตน์” นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ หรือไม่ เผยเตรียมประชุมคณะกรรมการร่วม สอบคุณสมบัติพรุ่งนี้

“กิตติรัตน์” เคารพการพิจารณา หลังไม่ผ่านคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

“กิตติรัตน์” โพสต์ข้อความ หลังไม่ผ่านคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ลั่นไม่มีอะไรค้างคาใจ-ไม่เคยขลาดกลัวหนีหายเอาตัวรอด ระบุได้อาสาทำงานให้ประเทศแล้ว ยันเคารพการพิจารณา

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท