กรมทางหลวงเร่งสำรวจออกแบบสร้างสายเลี่ยงเมืองชะอำ

กรุงเทพฯ 2 พ.ย.-กรมทางหลวงเร่งเดินหน้าสำรวจออกแบบสร้างสายเลี่ยงเมืองชะอำ มั่นใจช่วยยกระดับความปลอดภัยด้านคมนาคมขนส่ง เชื่อมโยงการเดินทางภาคกลางสู่ภาคใต้ หนุนเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวไทย 


นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในทุกมิติและยกระดับถนนปลอดภัย เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างภาคกลางและภาคใต้ เนื่องจากในปัจจุบันมีปริมาณการจราจรสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนและในช่วงวันหยุดเทศกาล ซึ่งจากผลการสำรวจข้อมูลปริมาณการจราจรปี 2563 พบว่ามีปริมาณจราจร 29,000 คัน/วัน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 34,9000 คัน/วัน และยังมีการคาดการณ์ว่า ในปี 2569 จะเพิ่มเป็น 53,300 คัน/วัน ดังนั้น ทล.จึงได้ให้เร่งโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 37 สายเลี่ยงเมืองชะอำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรและยกระดับถนนปลอดภัยในพื้นที่เส้นทางท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันตก 

ทั้งนี้ กรมทางหลวง โดยสำนักสำรวจและออกแบบ รับมอบนโยบายเร่งดำเนินโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 37 สายเลี่ยงเมืองชะอำ ระยะทาง 47.348 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นโครงการที่ กม. 0+000 โดยจุดเริ่มต้นโครงการจะแยกออกจากถนนเพชรเกษม บริเวณทางแยกต่างระดับชะอำ มุ่งลงสู่ภาคใต้ (ด้านทิศตะวันตกของชะอำและหัวหิน) ผ่านห้วยตะแปด แยกข้างแทงกระจาด มหาวิทยาลัยศิลปากร แยกวัดห้วยมงคล ที่ว่าการอำเภอหัวหิน บรรจบถนนเพชรเกษม บริเวณทางแยกต่างระดับวังยาวที่ กม.47+348.260 จึงเป็นจุดสิ้นสุดโครงการ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพขรบุรี และอำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 


โดยรูปตัดทางหลวงของโครงการขยายทางเป็นทางหลวงขนาด 6 ช่องจราจร (ไป-กลับทิศทางละ 3 ช่องจราจร) กว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร ไหล่ทางด้านในกว้าง 1 เมตร แบ่งทิศทางจราจรด้วยเกาะกลางแบบกดเป็นร่อง (Depressed Median) กว้าง 10.60 เมตร และติดตั้งคอนกรีตแบริเออร์ (Concrete Barrier) บริเวณขอบไหล่ทางด้านในทั้งสองฝั่ง 

รูปแบบทางแยกต่างระดับตลอดเส้นทางโครงการมีทางแยกสำคัญที่ทางหลวงโครงการตัดกับถนนของกรมทางหลวงชนบทและถนนท้องถิ่น ซึ่งได้ออกแบบเป็นทางแยกต่างระดับ จำนวน 6 แห่ง โดยรูปแบบเป็นทางลอดและวงเวียนทางกลับรถบริเวณใต้สะพาน

1) ทางแยกต่างระดับคลองชลประทานที่ กม.2+111.476 (จุดตัดถนนเลียบคลองชลประทาน)


2) ทางแยกต่างระดับห้วยตะแปดที่ กม.10+530.384 (จุดตัดทางหลวงชนบท พบ.1001)

3) ทางแยกต่างระดับข้างแทงกระจาดที่ กม.16+838.098 (จุดตัดทางหลวงชนบท พบ.1010)

4) ทางแยกต่างระดับมหาวิทยาลัยศิลปากรที่ กม.19+450.735 (จุดตัดถนนท้องถิ่น)

5) ทางแยกต่างระดับที่ว่าการอำเภอหัวหินที่ กม.33+989.081 (จุดตัดทางหลวงชนบท ปช.2043)

6) ทางแยกต่างระดับหนองไผ่ที่ กม.39+173.753 (จุดตัดทางหลวงชนบท ปช.2030)

สำหรับการออกแบบจัดการจราจรท้องถิ่นและการกลับรถได้พิจารณาจากความต้องการในการใช้จุดกลับรถของประชาชนเป็นหลัก โดยมีรูปแบบจุดกลับรถและตำแหน่งจุดกลับรถ ดังนี้

รูปแบบที่ 1 รูปแบบจุดกลับรถแบบสะพานบก เป็นการก่อสร้างสะพานบกบนทางหลวงโครงการให้ถนนท้องถิ่นลอดผ่านและกลับรถ ออกแบบให้มีความสูงเพียงพอที่รถประเภทต่าง ๆ สามารถลอดผ่านได้ เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้สะดวกและปลอดภัย มีจำนวน 11 แห่ง คือ

1) กม.3+388.809 (หุบกะพง) 

2) กม.5+000 (ถนนท้องถิ่นไปวัดหุบกะพง) 

3) กม.6+600 (จุดกลับรถเดิม)

4) กม.8+115 (ช.บ่อแขม) 

5) กม.13+440.944 (ศูนย์พัฒนาห้วยทราย) 

6) กม.14+906 (ทางเข้า บ.หนองข้าวนก)

7) กม.21+650 (วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบุรี) 

8) กม.23+496.412 (ถนนท้องถิ่นไปบ้านสามพันนาม)  

9) กม.25+428.725 (ซ.วัดวังโบสถ์/สวนน้ำ Black Moutain)  

10) กม.36+650 (ทางเข้าอ่างเก็บน้ำปราณบุรี) 

11) กม.41+974.850 (ทางเข้า บ.ทุ่งเสือนอน) 

รูปแบบที่ 2 จุดกลับรถใต้สะพานข้ามคลอง เป็นการก่อสร้างจุดกลับรถใต้สะพานข้ามคลอง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนในท้องถิ่นใช้ระบบกลับรถในโครงการให้มีความปลอดภัยขึ้น มี 4 แห่ง คือ 1) กม.11+427.731 (ห้วยตะแปด)  2) กม.18+768 (ห้วยมะกอก)  3) กม.31+804.200 (ห้วยหอย)  4) กม.43+351.448 (ห้วยนาตะคลอง)

รูปแบบที่ 3 จุดกลับรถแบบท่อลอดเหลี่ยม ได้ออกแบบตามข้อเสนอแนะของประชาชน เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยได้ออกแบบให้รถขนาดเล็ก รถจักรยานยนต์ สามารถลอดผ่านได้ รวมถึงเป็นทางเดินลอดของสัตว์เลี้ยงในพื้นที่โครงการด้วย มี 2 แห่ง คือ 1) กม.24+050 (บ.สามพันนาม)  2) กม.32+325 (บ.เขาเสวยราชย์)

นอกจากนี้ได้ออกแบบปรับภูมิทัศน์บริเวณทางแยกต่างระดับบริเวณวงเวียน เพื่อให้เกิดความร่มรื่นและสวยงาม รวมถึงได้ออกแบบเกาะและทางเดินลอดใต้สะพานเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย (Stamped Concrete) ให้มีสีสันสวยงาม

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ ใช้วงเงินงบประมาณก่อสร้างทั้งโครงการประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยในปี 2566 ได้รับงบประมาณก่อสร้างในส่วนของทางแยกต่างระดับ จำนวน 2 แห่ง คือ แยกห้วยตะแปด จำนวน 50 ล้านบาท และแยกช้างแทงกระจาด 56 ล้านบาท ซึ่งแยกห้วยตะแปด งบประมาณก่อสร้าง 250 ล้านบาท และแยกช้างแทงกระจาด งบประมาณ 280 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะดำเนินการในปีงบประมาณ 2567 และปีงบประมาณ 2568 โดยใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี 

อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรสายหลักและเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งในอนาคตระหว่างภูมิภาค สนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ซึ่งเป็นเมืองเป้าหมายด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ยกระดับถนนปลอดภัยและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย เพราะหากระบบคมนาคมขนส่งมีประสิทธิภาพจะเป็นกลไกและเครื่องมือที่สำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

รวบหนุ่มจีนพร้อมสาวไทย เอี่ยวฟอกเงินหลอกลงทุนคริปโต

ตำรวจไซเบอร์รวบหนุ่มจีนพร้อมสาวไทย กินหรูอยู่สบาย เอี่ยวฟอกเงินขบวนการหลอกลงทุนคริปโต พบเกี่ยวพันอีก 28 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ