กรมทางหลวงเร่งสำรวจออกแบบสร้างสายเลี่ยงเมืองชะอำ

กรุงเทพฯ 2 พ.ย.-กรมทางหลวงเร่งเดินหน้าสำรวจออกแบบสร้างสายเลี่ยงเมืองชะอำ มั่นใจช่วยยกระดับความปลอดภัยด้านคมนาคมขนส่ง เชื่อมโยงการเดินทางภาคกลางสู่ภาคใต้ หนุนเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวไทย 


นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในทุกมิติและยกระดับถนนปลอดภัย เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างภาคกลางและภาคใต้ เนื่องจากในปัจจุบันมีปริมาณการจราจรสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนและในช่วงวันหยุดเทศกาล ซึ่งจากผลการสำรวจข้อมูลปริมาณการจราจรปี 2563 พบว่ามีปริมาณจราจร 29,000 คัน/วัน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 34,9000 คัน/วัน และยังมีการคาดการณ์ว่า ในปี 2569 จะเพิ่มเป็น 53,300 คัน/วัน ดังนั้น ทล.จึงได้ให้เร่งโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 37 สายเลี่ยงเมืองชะอำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรและยกระดับถนนปลอดภัยในพื้นที่เส้นทางท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันตก 

ทั้งนี้ กรมทางหลวง โดยสำนักสำรวจและออกแบบ รับมอบนโยบายเร่งดำเนินโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 37 สายเลี่ยงเมืองชะอำ ระยะทาง 47.348 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นโครงการที่ กม. 0+000 โดยจุดเริ่มต้นโครงการจะแยกออกจากถนนเพชรเกษม บริเวณทางแยกต่างระดับชะอำ มุ่งลงสู่ภาคใต้ (ด้านทิศตะวันตกของชะอำและหัวหิน) ผ่านห้วยตะแปด แยกข้างแทงกระจาด มหาวิทยาลัยศิลปากร แยกวัดห้วยมงคล ที่ว่าการอำเภอหัวหิน บรรจบถนนเพชรเกษม บริเวณทางแยกต่างระดับวังยาวที่ กม.47+348.260 จึงเป็นจุดสิ้นสุดโครงการ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพขรบุรี และอำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 


โดยรูปตัดทางหลวงของโครงการขยายทางเป็นทางหลวงขนาด 6 ช่องจราจร (ไป-กลับทิศทางละ 3 ช่องจราจร) กว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร ไหล่ทางด้านในกว้าง 1 เมตร แบ่งทิศทางจราจรด้วยเกาะกลางแบบกดเป็นร่อง (Depressed Median) กว้าง 10.60 เมตร และติดตั้งคอนกรีตแบริเออร์ (Concrete Barrier) บริเวณขอบไหล่ทางด้านในทั้งสองฝั่ง 

รูปแบบทางแยกต่างระดับตลอดเส้นทางโครงการมีทางแยกสำคัญที่ทางหลวงโครงการตัดกับถนนของกรมทางหลวงชนบทและถนนท้องถิ่น ซึ่งได้ออกแบบเป็นทางแยกต่างระดับ จำนวน 6 แห่ง โดยรูปแบบเป็นทางลอดและวงเวียนทางกลับรถบริเวณใต้สะพาน

1) ทางแยกต่างระดับคลองชลประทานที่ กม.2+111.476 (จุดตัดถนนเลียบคลองชลประทาน)


2) ทางแยกต่างระดับห้วยตะแปดที่ กม.10+530.384 (จุดตัดทางหลวงชนบท พบ.1001)

3) ทางแยกต่างระดับข้างแทงกระจาดที่ กม.16+838.098 (จุดตัดทางหลวงชนบท พบ.1010)

4) ทางแยกต่างระดับมหาวิทยาลัยศิลปากรที่ กม.19+450.735 (จุดตัดถนนท้องถิ่น)

5) ทางแยกต่างระดับที่ว่าการอำเภอหัวหินที่ กม.33+989.081 (จุดตัดทางหลวงชนบท ปช.2043)

6) ทางแยกต่างระดับหนองไผ่ที่ กม.39+173.753 (จุดตัดทางหลวงชนบท ปช.2030)

สำหรับการออกแบบจัดการจราจรท้องถิ่นและการกลับรถได้พิจารณาจากความต้องการในการใช้จุดกลับรถของประชาชนเป็นหลัก โดยมีรูปแบบจุดกลับรถและตำแหน่งจุดกลับรถ ดังนี้

รูปแบบที่ 1 รูปแบบจุดกลับรถแบบสะพานบก เป็นการก่อสร้างสะพานบกบนทางหลวงโครงการให้ถนนท้องถิ่นลอดผ่านและกลับรถ ออกแบบให้มีความสูงเพียงพอที่รถประเภทต่าง ๆ สามารถลอดผ่านได้ เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้สะดวกและปลอดภัย มีจำนวน 11 แห่ง คือ

1) กม.3+388.809 (หุบกะพง) 

2) กม.5+000 (ถนนท้องถิ่นไปวัดหุบกะพง) 

3) กม.6+600 (จุดกลับรถเดิม)

4) กม.8+115 (ช.บ่อแขม) 

5) กม.13+440.944 (ศูนย์พัฒนาห้วยทราย) 

6) กม.14+906 (ทางเข้า บ.หนองข้าวนก)

7) กม.21+650 (วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบุรี) 

8) กม.23+496.412 (ถนนท้องถิ่นไปบ้านสามพันนาม)  

9) กม.25+428.725 (ซ.วัดวังโบสถ์/สวนน้ำ Black Moutain)  

10) กม.36+650 (ทางเข้าอ่างเก็บน้ำปราณบุรี) 

11) กม.41+974.850 (ทางเข้า บ.ทุ่งเสือนอน) 

รูปแบบที่ 2 จุดกลับรถใต้สะพานข้ามคลอง เป็นการก่อสร้างจุดกลับรถใต้สะพานข้ามคลอง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนในท้องถิ่นใช้ระบบกลับรถในโครงการให้มีความปลอดภัยขึ้น มี 4 แห่ง คือ 1) กม.11+427.731 (ห้วยตะแปด)  2) กม.18+768 (ห้วยมะกอก)  3) กม.31+804.200 (ห้วยหอย)  4) กม.43+351.448 (ห้วยนาตะคลอง)

รูปแบบที่ 3 จุดกลับรถแบบท่อลอดเหลี่ยม ได้ออกแบบตามข้อเสนอแนะของประชาชน เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยได้ออกแบบให้รถขนาดเล็ก รถจักรยานยนต์ สามารถลอดผ่านได้ รวมถึงเป็นทางเดินลอดของสัตว์เลี้ยงในพื้นที่โครงการด้วย มี 2 แห่ง คือ 1) กม.24+050 (บ.สามพันนาม)  2) กม.32+325 (บ.เขาเสวยราชย์)

นอกจากนี้ได้ออกแบบปรับภูมิทัศน์บริเวณทางแยกต่างระดับบริเวณวงเวียน เพื่อให้เกิดความร่มรื่นและสวยงาม รวมถึงได้ออกแบบเกาะและทางเดินลอดใต้สะพานเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย (Stamped Concrete) ให้มีสีสันสวยงาม

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ ใช้วงเงินงบประมาณก่อสร้างทั้งโครงการประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยในปี 2566 ได้รับงบประมาณก่อสร้างในส่วนของทางแยกต่างระดับ จำนวน 2 แห่ง คือ แยกห้วยตะแปด จำนวน 50 ล้านบาท และแยกช้างแทงกระจาด 56 ล้านบาท ซึ่งแยกห้วยตะแปด งบประมาณก่อสร้าง 250 ล้านบาท และแยกช้างแทงกระจาด งบประมาณ 280 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะดำเนินการในปีงบประมาณ 2567 และปีงบประมาณ 2568 โดยใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี 

อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรสายหลักและเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งในอนาคตระหว่างภูมิภาค สนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ซึ่งเป็นเมืองเป้าหมายด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ยกระดับถนนปลอดภัยและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย เพราะหากระบบคมนาคมขนส่งมีประสิทธิภาพจะเป็นกลไกและเครื่องมือที่สำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ ข่าว สส.ดังนครศรีฯ ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา

กทม. 30 พ.ค.-“ชัยชนะ” บอกไม่ทราบ-ไม่รู้ ข่าว สส.ดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช ยืนยันไม่เป็นความจริง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว สส.ชื่อดัง จ.นครศรีธรรมราช ยกพวกรุมทำร้ายผู้รับเหมา กลางงานบวชลูกชายของนายก อบต. ต่อหน้าชาวบ้านนับร้อยคน โดยนายชัยชนะ ได้ปฏิเสธข่าวบอก ไม่รู้ ไม่ทราบข่าว พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อถามว่า เป็นคนรู้จัก หรือคนใกล้ชิดหรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลย ก่อนย้ำอีกครั้งว่า ต้องไปถามที่มาของข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า “ครับผม” เมื่อถามว่า ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลยใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ระบุว่า ตนลงพื้นที่วันละหลายงาน และเมื่อถามทิ้งท้ายว่า ไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ยืนยันว่า “ไม่มี“.-315.-สำนักข่าวไทย

รวบพระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกดับ

นครราชสีมา 30 พ.ค. – รวบแล้ว พระเอกลิเกทุบหัวลูกเลี้ยงออทิสติกเสียชีวิต และล่วงละเมิดลูกเลี้ยงผู้หญิงคนเล็กอายุ 11 ขวบ เจ้าตัวยังปากแข็ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา บุกรวบตัว นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเก “ลักยิ้มทับทิมสยาม” ได้คาบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยขณะนี้คุมตัวอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองนครราชสีมา ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” และ “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” ขณะนี้กำลังเค้นสอบปากคำ เนื่องจากผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่จำนวนด้วยหลักฐาน ก่อนเตรียมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายวันนี้ คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.หมิว อายุ 46 ปี นางเอกลิเก พาลูกสาวอายุ 11 ปี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชายคนโต อายุ 18 ปี ซึ่งป่วยออทิสติก […]

“สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 หมอ คดีชั้น 14

สธ. 29 พ.ค. – “สมศักดิ์” วีโต้แล้ว! ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เผย “สมศักดิ์” สภานายกพิเศษ ส่งคำตอบให้มติแพทยสภาให้ลงโทษ 3 แพทย์ กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจเมื่อวานนี้ ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ให้ใช้คำว่าเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ยื่นรายงานความเห็นจากคณะกรรมการฯ ต่อมติแพทยสภาให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) สภานายกพิเศษฯ ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังแพทยสภาแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น. โดยที่ตนเองก็ยังไม่ทราบว่า มีเนื้อหาบ้าง แต่ขออย่าใช้คำว่า วีโต้ ขอให้ใช้คำว่ามีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เบื้องต้นเป็นความส่งความเห็นกลับต่อมติของแพทยสภา ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแพทย์จำนวน 4 […]

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]

ข่าวแนะนำ

ภูมิต้านภัย : จับตาทุจริตงบซ่อม ฮ.ตำรวจ

กรุงเทพฯ 31 พ.ค. – คอลัมน์ “ภูมิต้านภัย” ตรวจสอบหาสาเหตุเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตก 2 เหตุการณ์ในรอบ 1 เดือน หลังถูกตั้งข้อสังเกตถึงการนำ ฮ.ที่เสีย มาตั้งงบซ่อมแบบไม่ได้มาตรฐาน ทำให้นักบินต้องเสี่ยงชีวิตทุกครั้งที่ยก ฮ.ขึ้นน่านฟ้า. – สำนักข่าวไทย

นายกฯ บอกวันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลั่นปรับ ครม. อะไรก็เกิดขึ้นได้

รัฐสภา 31 พ.ค.-นายกฯ บอกวันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ลั่นปรับ ครม. อะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนโยกกระทรวงให้ถาม “ทักษิณ” คนพูด ปมดึง มท. มาดูเอง ย้ำครอบงำไม่ได้ แต่พ่อให้คำปรึกษา ลูกรับไว้พิจารณา เผยยกหูหากลางห้องประชุมแล้ว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ว่า วันนี้ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไร ถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไร หากเป็นรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเดี๋ยวตนจะคุยเอง เห็นเป็นกระแสข่าวออกไปหลายอย่างมาก ทำให้รัฐมนตรีทุกคนรู้สึกหวั่นไหวและท้อใจ ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ซึ่งตนพยายามสื่อสารในพรรคเพื่อไทยว่าอย่างไรเดี๋ยวจะคุยเอง ส่วนคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้บั่นทอนจิตใจพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ เมื่อสักครู่ก็นั่งอยู่ข้างๆ กันไม่ได้มีอะไร ไม่มีใครถามถึงเรื่องนี้เลย เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยทำงานไม่ดีจริงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นั่นเป็นความคิดเห็นของนายทักษิณ แต่ตนยังไม่ได้ประเมินอะไร เดี๋ยวก็รอดู ส่วนมีการพูดคุยกับนายทักษิณ หรือไม่ว่าเหตุใดจึงให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า คุยกันทุกวัน หากถ่ายรูปมา เมื่อสักครู่ได้ตนก็คุยโทรศัพท์กับคุณพ่อ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าตอนนี้ถูกมองว่าเป็นการครอบงำพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี […]

สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 นายกฯ เชื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

รัฐสภา 31 พ.ค.-สภาผ่านฉลุย รับหลักการงบฯ 69 วาระแรก เสียงท่วม 322 เสียง ตั้ง กมธ. 73 คน พบ “อนุดิษฐ์” โผล่เป็น กมธ.โควตารัฐบาล ด้านนายกฯ ขอบคุณสภาฯ ยันรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญงบฯ ตามสถานการณ์ เชื่องบประมาณที่เสนอไปจะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยทุกคน ตั้งใจใช้เป็นเครื่องมือสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันสุดท้ายของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยหลังจากใช้เวลากว่า 3 วัน รวม 41 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ด้วยคะแนน 322 ต่อ 158 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง และตั้งคณะกรรมาธิการ จำนวน 73 คน ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า มีชื่อ […]

โฆษก ทบ. ยันสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยังไม่ถึงขั้นต้องปิดด่าน

กองทัพบก 31 พ.ค.-โฆษก ทบ. ยืนยันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่ถึงขั้นต้องปิดด่าน แต่ยอมรับว่า แนวทางการปิดด่านเป็นแผนส่วนหนึ่งที่หน่วยงานระดับพื้นที่อาจพิจารณาใช้ เพื่อดูแลความมั่นคงและความปลอดภัยประชาชน พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงกรณีกระแสข่าวการพิจารณาปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาบางจุดว่า ปกติจะเป็นส่วนหนึ่งของแผน สำหรับใช้ในการบริหารจัดการต่อสถานการณ์ ที่อาจส่งผลกระทบความมั่นคง และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ของหน่วยงานในระดับพื้นที่ปัจจุบัน ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การปิดด่านจะดำเนินการต่อเมื่อมีความจำเป็นจริง โดยในอดีตจะดำเนินการเฉพาะต่อเมื่อสถานการณ์ในพื้นที่นั้นๆ มีปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในระดับที่น่ากังวลสูง โดยเฉพาะข่าวสารที่น่าเชื่อว่าจะมีการใช้อาวุธระยะไกล ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชน สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน หากพิจารณาในภาพรวม ส่วนใหญ่มีความเรียบร้อย มีเพียงบางจุดบางพื้นที่เท่านั้นที่อาจมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดความน่ากังวลมากนัก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้อาศัยกลไกที่มีอยู่ในระดับพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน ภายใต้กรอบข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้ยึดถือกันอยู่อย่างเคร่งครัด.-313.-สำนักข่าวไทย