กอช. ส่งเสริมการออมให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระ

กรุงเทพฯ 31 ต.ค.- กอช. มุ่งส่งเสริมการออมให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระมีเงินบำนาญถ้วนหน้า  พร้อมมอบรางวัลส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม ประจําปี 2565 แก่หน่วยงานภาคีเครือข่าย เนื่องในวันออมแห่งชาติ”


นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานมอบรางวัล เพื่อขอบคุณเครือข่ายความร่วมมือส่งเสริมการออม พร้อมเดินหน้าส่งเสริมให้ประชาชนแรงงานนอกระบบเข้าถึงการออมได้ครอบคลุมทุกพื้นที่พร้อมบูรณาการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ให้มีเงินบำนาญกับ กอช.ใช้ในยามเกษียณหลังอายุ60 ปี

นายกฤษฎา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญการออมเพื่อการเกษียณ เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งมีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ในการพัฒนาระบบการออมให้ทั่วถึง เพื่อเตรียมความพร้อมสู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ สอดคล้องเป็นไปตามแผนนโยบายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปียุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม รวมทั้งแผนปฏิรูปประเทศด้านสังคม ประเด็นปฏิรูปที่ 1 กำหนดการปฏิรูปการออม สวัสดิการสังคม และการลงทุนเพื่อสังคม โดยหนึ่งในกิจกรรมที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชน คือ ระบบการออมเพื่อสร้างหลักประกันรายได้หลังวัยเกษียณที่เพียงพอและครอบคลุม


ในกลุ่มแรงงานทั้งในและนอกระบบ ซึ่งตรงตามภารกิจหลักของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)

นอกจากนี้ กอช. ได้เปิดรับตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน ผ่านที่ว่าการอำเภอ โดยมีเป้าหมายสร้างตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน ให้ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 74,000 หมู่บ้าน ซึ่งในปี 2565 มีตัวแทน กอช.ประจำหมู่บ้าน จำนวน 35,000 คน มีบทบาทให้คำปรึกษาการออมเงินกับ กอช. แก่ประชาชนในหมู่บ้านทั้งการรับสมัครสมาชิก ส่งเงินออมสะสม แจ้งสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นสมาชิก กอช. 

และในปี 2565 กอช. ได้มุ่งพัฒนาสร้างวินัยการออมให้ประชาชน อันเป็นปัจจัยความสำเร็จในการสร้างรากฐานการพัฒนาประเทศที่มั่นคง และสร้างหลักประกันเงินออมไว้ใช้ในยามชราภาพ ควบคู่กับการพัฒนาทักษะความรอบรู้ทางการเงินให้กับประชาชน สมาชิก ตัวแทน กอช. และหน่วยงานเครือข่ายความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนไทยที่มีอายุระหว่าง 15 – 60 ปี ที่เป็นแรงงานนอกระบบ สามารถมีบำนาญใช้ในยามเกษียณเหมือน


ข้าราชการ  เนื่องในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี ถือเป็น “วันออมแห่งชาติ” ซึ่งการสร้างเสริมวินัยการออมให้กับประชาชน ถือเป็นหนึ่งในเรื่องหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ในปีนี้ กอช. ได้จัดให้มีการมอบรางวัลแก่หน่วยงานภาคีเครือข่ายที่ร่วมส่งเสริมการออมกับ กอช. จํานวน 31 รางวัล ประกอบด้วย ประเภทรางวัลเกียรติยศ ประเภทรางวัล  หน่วยงานการศึกษาที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น ประเภทรางวัลระดับจังหวัด และประเภทรางวัลระดับเครือข่ายที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น ในช่วงเดือนมกราคม – กันยายน 2565 เพื่อเป็นเกียรติแก่หน่วยงานความร่วมมือที่ร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีวินัยในการออมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณกับ กอช.

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)กล่าวว่า กอช. ได้พัฒนาช่องทางเข้าถึงการออมให้สมาชิกและประชาชนผู้สนใจ ได้เข้าถึงการออมที่สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ทั้งช่องทางการสมัคร การออมเงินต่อเนื่อง และการรับรู้ข่าวสาร ช่องทางออนไลน์ อาทิ ไลน์ กอช. ,แอปพลิเคชัน กอช. หรือเว็บไซต์ระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) กอช. ช่องทางหน่วยรับบริการ

ธนาคารของรัฐ อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย รวมกว่า 3,836 สาขา ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ

จำนวน 878 แห่ง สำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด สถาบันการเงินชุมชน จำนวน 128 แห่ง เซเว่น อีเลฟ

เว่น จำนวน 12,500 แห่ง เทสโก้โลตัส จำนวน 1,949 สาขา ไปรษณีย์ไทย จำนวนกว่า 1,479 แห่ง ตู้บุญเติม

จำนวน 112,498 ตู้ และมีตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน 35,000 คน ในการส่งเสริมให้ประชาชนในแต่ละหมู่บ้านได้

เข้าถึงการออม ส่งเงินออมต่อเนื่องกับ กอช. และให้ข้อมูลสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นสมาชิก กอช.

โดย กอช. เสริมสร้างความมั่นใจในการออมให้สมาชิกอุ่นใจดูการเคลื่อนไหวยอดเงินออมของตนเองผ่านไลน์ กอช. แอปพลิเคชัน กอช. ได้ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยในยุคดิจิทัล นอกจากนี้ กอช. ได้ร่วมกับธนาคารออมสิน จัดพิมพ์สมุดเงินออม (Passbook) ให้กับสมาชิก และ ปี 2565 กอช. ได้รับความร่วมมือจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในการให้บริการจัดพิมพ์สมุดเงินออมแก่สมาชิก เพียงแสดงบัตร

ประจําตัวประชาชนใบเดียว ไม่เสียค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสมัครเป็นสมาชิก กอช. ได้ ต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย อายุ 15 ปี ถึง อายุ 60 ปีออมขั้นต่ำ 50 บาทสูงสุด 13,200 บาทต่อปี รัฐจะจ่ายเงินสมทบให้ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปตามช่วงอายุของสมาชิก รับเงินสมทบเพิ่มตามช่วงอายุ ช่วงอายุ 15 – 30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 600  บาทช่วงอายุ >30 – 50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ของเงินออมแตละครั้ง โดยรวมกันไม่เกิน 960 บาท

และช่วงอายุ >50 – 60 ปี รัฐสมทบให้ 100% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 1,200 บาท .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ศาลตัดสินพิรงรอง

“พิรงรอง” รับกังวลใจ วันนี้ศาลตัดสิน คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช.

“พิรงรอง” ถึงศาล รับกังวลใจ คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช. ปมส่งใบเตือนทีวีดิจิทัลมีโฆษณาแทรก ยืนยันทำหน้าที่อย่างถูกต้อง

ผู้สมัคร นายก อบจ.สมุทรปราการ หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง ร้อง ปธ.สภา

ผู้สมัคร นายก อบจ. สมุทรปราการ พรรคประชาชน หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง อบจ.ร้องประธานสภา จี้ กกต.สอบให้ความเป็นธรรม ลั่นจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

บุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน

ตำรวจนครบาลบุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน สร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. หลอกเหยื่อว่าสามารถติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืนได้ ค้นบ้านพบซิมบ็อกซ์โทรศัพท์ และ QR Code ปลอม จำนวนมาก

ข่าวแนะนำ

ปล้นร้านสะดวกซื้อ

รวบ 6 เยาวชน ก่อเหตุปล้นร้านสะดวกซื้อปัตตานี

รวบแล้ว 6 โจร ปล้นร้านสะดวกซื้อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้เงินกว่า 4,000 บาท พบผู้ก่อเหตุทั้งหมด เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 14-16 ปี

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

นายกฯพบสีจิ้นผิง

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง”

นายกฯ เข้าเยี่ยมคารวะ “สี จิ้นผิง” ย้ำความสัมพันธ์ทางการทูตและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ด้านจีนหนุนไทยมีบทบาทในเวที ระดับโลกและภูมิภาค

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟเมื่อวาน

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่แม่สอด ชี้ยังสรุปไม่ได้ หลังตัดไฟแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ขอทำไปประเมินไป อย่าทำให้เป็นประเด็น มองเป็นสิทธิฝั่งเมียนมาซื้อไฟฟ้าจากลาว ลั่นเดี๋ยวต้องคุยอีก ย้ำตัดไฟครั้งนี้ไม่ได้ใช้อารมณ์ รู้อยู่กระทบเศรษฐกิจบ้าง แต่แค่ 0.1%