สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ประกาศกลยุทธ์ TRA NEXT ยกระดับค้าปลีกไทยสู่สากล

11 ต.ค. – สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ประกาศกลยุทธ์ TRA NEXT ยกระดับค้าปลีกไทยสู่สากล เสริมแกร่ง SMEs ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน


ภาวะเศรษฐกิจของโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Global Recession) มีความรุนแรงและส่งผลกระทบโดยตรงทั้งต่อกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งเผชิญปัญหาแรงกดดันจากเงินเฟ้อ ในขณะที่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาประสบปัญหาเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าและมีความบอบบางสูงไปจนถึงกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ซึ่งกำลังพบกับวิกฤตขั้นเลวร้าย สำหรับประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยนี้เช่นกัน นอกจากการฟื้นตัวที่ช้าแล้วยังต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ราคาสินค้าต้นทุนที่สูงซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยอาจสะดุดลง สมาคมผู้ค้าปลีกไทยพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในการช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นฟูและเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทยคนที่ 11 ในสมัยที่ 2 กล่าวว่า “ภาวะเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันค่าจ้างแรงงานมีการปรับอัตราใหม่ และภาคค้าปลีกและบริการก็ยังคงมีปัญหาการขาดแคลนแรงงานอยู่ ประกอบกับภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี โจทย์สำคัญคือ จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นฟูและเดินหน้าต่อไปได้ในทิศทางที่ถูกต้อง ผมคิดว่าภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยคือคำตอบ และถือเป็นเครื่องจักรตัวสุดท้ายที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเดินไปข้างหน้า เพราะภาคการท่องเที่ยวมีอัตราการเติบโตสวนทางกับเครื่องจักรทางเศรษฐกิจตัวอื่นๆ และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยจะมีมากถึง 10 ล้านคน ภายในปี 2565 ซึ่งจะส่งผลโดยตรงให้ภาคค้าปลีกและบริการฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ


ทั้งนี้ ภาคค้าปลีกและบริการมีจำนวน SMEs มากถึง 2.4 ล้านราย คิดเป็น 80% ของ SMEs ทั้งประเทศ อีกทั้งยังมีการจ้างงานในระบบกว่า 13 ล้านราย คิดเป็น 30% ของการจ้างงานทั้งหมด โดยภาคค้าปลีกและบริการ มีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 34% ของ GDP หรือกว่า 5.6 ล้านล้านบาท ดังนั้นถ้า SMEs ฟื้นตัวและโตขึ้น เศรษฐกิจของประเทศก็จะโต สมาคมฯ จึงตั้งเป้าที่จะผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะมีการเพิ่มการจ้างงานมากกว่า 500,000 อัตรา ภายในปีหน้า เพิ่มรายได้และช่องทางการจัดจำหน่ายให้ SMEs ผ่านภาคีเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมยกระดับให้ SMEs ไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีระดับโลก ด้วยกลยุทธ์ TRA NEXT (ทีอาร์เอ เน็กซ์)”
ทั้งนี้ 4 กลยุทธ์ TRA NEXT มีดังนี้
1.New S-Curve of SMEs สร้างความเข้มแข็งให้ SMEs ด้วยการเพิ่มรายได้ เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และเพิ่มการจ้างงาน
1.1 เพิ่มอัตราการจ้างงานอีกกว่า 500,000 อัตรา ภายในปีหน้า พร้อมผลักดันการจ้างแรงงานประจำรายชั่วโมง สำหรับธุรกิจที่เริ่มฟื้นตัว เพื่อให้เกิดการยืดหยุ่นและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ
1.2 ช่วย SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างง่าย สะดวก และรวดเร็ว ผ่าน “Digital Supply Chain Financing” และคงมาตรการช่วยเหลือ SMEs ไทย โดยการลด Credit Term สั้นลง และจ่ายเงินให้รวดเร็วเพื่อเสริมสภาพคล่องและช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เป็นการสร้างแต้มต่อให้ SMEs ไทยสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
1.3 ขยายช่องทางการจำหน่ายให้กับ SMEs ในหมวดสินค้าท้องถิ่นผ่านภาคีเครือข่ายของสมาคมฯ เพื่อสร้างรายได้
1.4 สร้างความคล่องตัวและลดค่าใช้จ่ายให้ SMEs ในการดำเนินธุรกิจ (Ease of Doing Business) ด้วยการผลักดันนโยบาย E-Service ภาครัฐ เริ่มจากการลดขั้นตอนขอใบอนุญาตเปิด และต่ออายุร้านอาหาร รวมทั้งจะมีการขยายผลไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ต่อไป

2.Environment and Sustainable Development สมาคมฯ ผนึกกำลังร่วมกับสมาชิก และภาคีเครือข่ายเพื่อส่งเสริมให้ SMEs ทำธุรกิจที่มีการเติบโตแบบยั่งยืน บนหลักการ BCG (Bio-Circular-Green Economy)
2.1 เร่งสนับสนุนให้สมาชิกในภาคีเครือข่ายร่วมปณิธานในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ภายในปี 2593 เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของภาครัฐ
2.2 ผลักดันอย่างต่อเนื่องในการดำเนินโครงการจัดการอาหารส่วนเกินที่ยังรับประทานได้ และการจัดการขยะของเสียอย่างครบวงจร เพื่อให้สามารถนำขยะไปรีไซเคิล และนำกลับมาใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ ได้ เช่น ปุ๋ยในการทำการเกษตร และ ก๊าซหุงต้ม เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ภาคค้าปลีกและบริการเป็นตัวอย่างในการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและชุมชน
2.3 ช่วยพัฒนาการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของคู่ค้า และผลักดันให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในโครงการ Net Zero ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดจำนวนขยะ ลดการใช้พลังงาน เป็นต้น
2.4 สนับสนุนการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ด้วยการรณรงค์การปลูกป่า การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) และการใช้พลังงานจากโซล่าร์รูฟ (Solar Roof) ในกลุ่มสมาชิกและภาคีเครือข่ายของสมาคมฯ

3.eXpand TRA to the Global Stage ยกระดับสมาคมฯ และเครือข่ายภาคค้าปลีกไทยสู่ระดับสากล เพื่อเป็นการขยายฐานสมาชิก และเป็นการเพิ่มช่องทางการขายและรายได้ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศให้ SMEs ไทย
3.1 มู่งสู่การเป็นผู้นำภาคค้าปลีกและบริการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการตั้งเป้าในการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมสมาพันธ์ผู้ค้าปลีกแห่งเอเชียแปซิฟิก (FARPA) ครั้งต่อไปในปี 2568 ที่มีผู้นำค้าปลีกกว่า 20 ประเทศ ทั่วภูมิภาค เข้าร่วม
3.2 ขยายความร่วมมือระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจและสินค้า โดยจะเริ่มความร่วมมือในเฟสแรกกับสมาคมผู้ค้าปลีกในประเทศเวียดนาม (Association of Vietnam Retailers) และสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ไทยและเวียดนามในการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ ถือเป็นการช่วยเหลือภาคีเครือข่ายและ SMEs ไทยให้มีช่องทางการขายและเพิ่มรายได้มากขึ้น


4.Tourism Reimagination สร้างการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวคุณภาพสูงมีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เป็นการสร้างการจ้างงานและเพิ่มรายได้ให้กับ SMEs ไทย
4.1 สนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการสร้างศักยภาพให้ประเทศไทยมีความพร้อมในเรื่องของการดึงดูดและรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงและนักลงทุนต่างชาติที่พำนักในไทยระยะยาว
4.2 ผลักดันให้มีการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวคุณภาพมีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น โดยยกระดับให้ประเทศไทยเป็น “สุดยอด การใช้ชีวิตแห่งเอเชีย” รวมทั้งสนับสนุนภูเก็ตให้เป็นเมืองแห่ง Lifestyle and Free Port Hub เพื่อให้ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในการดึงดูดนักท่องเที่ยว และสามารถเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับภาคค้าปลีกและบริการ

“กลยุทธ์ TRA NEXT คิดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือ และสนับสนุน SMEs ไทยเป็นหลัก ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการสร้างงานใหม่ในระบบ เป็นการเพิ่มรายได้และช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าให้กับ SMEs ไทย ดังนั้นสมาคมฯ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่จะร่วมผลักดันกลยุทธ์ TRA NEXT นี้ให้เกิดขึ้นได้จริง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและเติบโตอย่างแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา” นายญนน์ กล่าวทิ้งท้าย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]

“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม

ก.วัฒนธรรม 4 ก.ค.-“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม แจงข่าวปลอมไทยคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ให้กัมพูชาไม่จริง ชี้ทำตั้งแต่ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมสั่งเบรกจัดสรรงบฯ คืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อแจ้งความคนปล่อยเฟกนิวส์ ปลุกปั่น “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ยันอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยไทย ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังจากทุกคนว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณ จำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้ว […]