กฟผ.เตือนปีหน้าค่าไฟฟ้าแพง วอนคนไทยประหยัด

นครราชสีมา 3 ต.ค.- กฟผ.ออกโรงเตือนค่าไฟปีหน้ายังแพง ขอความร่วมมือประหยัดพลังงาน พร้อมปรับโหมดรับไฟฟ้าพลังงานทดแทน ลดพึ่งพาแอลเอ็นจี เดินหน้าระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) ด้วยแบตเตอรี่ และพลังน้ำแบบสูบกลับเสริมศักยภาพโครงข่ายระบบไฟฟ้า ตอบโจทย์ Carbon Neutrality


นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์แลพโฆษก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)  เตือนผู้ใช้ไฟฟ้าว่าแนวโน้มปีหน้าค่าไฟฟ้าจะทรงตัวระดับสูง เพราะราคาเชื้อเพลิงหลักคือก๊าซธรรมชาติ ผันแปรตามราคาน้ำมันในขณะที่ไทยต้องพึ่งพาก๊าซแอลเอ็นจีนำเข้าถึง 20% ซึ่งมีราคาสูงมาก ยิ่งหากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อต่อเนื่อง ยิ่งทำให้แอลเอ็นจีแพงมาก หากราคาแอลเอ็นจีอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู เมื่อเทียบเป็นหน่วยค่าไฟฟ้าจองไทยก็จะสูงถึงกว่า13.30บาท/หน่วย ดังนั้น หากผู้ใช้ไฟฟ้าร่วมกันประหยัดหรือใช้ไฟฟ้าให้น้อยลงมากที่สุดก็จะทำให้ใช้แอลเอ็นจีน้อยลงต้นทุนค่าไฟฟ้าก็จะต่ำลง

 “ในส่วนของการบริหารต้นทุนค่าไฟฟ้า ทาง ก.พลังงาน อยู่ระหว่างดำเนินการปรับแผนเชื้อเพลิงให้เหมาะสม ทั้งใช้ดีเซลทดแทนแอลเอ็นจีที่แพงกว่า ยืดอายุโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ  และ กฟผ.ก็สั่งจ่ายจากโรงไฟฟ้าต้นทุนที่ต่ำที่สุดก่อน เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ พร้อมปรับระบบไฟฟ้ารองรับพลังงานทดแทนที่จะเข้าระบบมากขึ้นให้มั่นคง โดยได้จัดทำโครงข่ายระบบไฟฟ้ามีความทันสมัย ยืดหยุ่น (Grid Modernization) สามารถนำพลังงานหมุนเวียนมาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ” นายประเสริฐศักดิ์ กล่าว


นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการจัดทำโครงข่ายระบบไฟฟ้ามีความทันสมัย ยืดหยุ่น (Grid Modernization) กฟผ.ได้ดำเนินการหลายรูปแบบ ได้แก่ ระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (BESS) ที่เชื่อมต่อกับระบบส่งไฟฟ้า หรือGrid Scale นำร่องใช้งานที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงชัยบาดาล จ.ลพบุรี กำลังผลิตไฟฟ้า 21 เมกะวัตต์-ชั่วโมง (MWh) และที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ กำลังผลิตไฟฟ้า 16 MWh รวมทั้งสิ้น 37 MWh นับว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งสามารถตอบสนองต่อระบบไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะจ่ายกำลังไฟฟ้าได้ภายในเวลาไม่เกิน 200 มิลลิวินาที ช่วยรักษาเสถียรภาพในระบบไฟฟ้า โดย กฟผ. เลือกนำร่องติดตั้ง BESS ในพื้นที่ทั้งสองแห่งเพื่อแก้ปัญหาคุณภาพไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมที่เชื่อมต่อระบบไฟฟ้าจำนวนมากจึงมีความผันผวนค่อนข้างสูง

BESS จะทำหน้าที่กักเก็บพลังงานในช่วงที่ระบบมีความต้องการไฟฟ้าต่ำ (Off Peak) และจ่ายไฟฟ้าคืนสู่ระบบเพื่อชดเชยกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีความผันผวนในช่วงบ่าย ลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุดในช่วงหัวค่ำและลดความหนาแน่นของสายส่งกำลังไฟฟ้า โดยแบตเตอรี่ที่นำมาใช้ใน BESS เป็นแบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอออน ซึ่งสามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้มากในพื้นที่จำกัด อีกทั้งสามารถจ่ายไฟและชาร์จไฟได้เร็ว โดยออกแบบให้มีอายุการใช้งานได้นานถึง 15 ปี 

“เราศึกษานำร่อง BESSเพื่อเตรียมคน เตรียมนวัตกรรมให้ พร้อมรับอนาคต ในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานจากฟอสซิลไปเป็นพลังงานทดแทน ซึ่งในขณะนี้ราคาแบตฯยังสูงราว 400-450 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าใน 5 ปีข้างหน้า ราคาจะลดลงเหลือ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง จึงคาดว่าช่วงนั้นจะเหมาะสมในการลงทุนเชิงพาณิชย์ และจะเป็นหนึ่งในแผนงานความเป็นกลางทางคาร์บอนของไทย” นายประเสริฐศักดิ์  กล่าว


นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับซึ่งเป็นระบบกักเก็บพลังงานด้วยพลังน้ำขนาดใหญ่สำหรับระบบไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำที่สุด และเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีศักยภาพในการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้อย่างรวดเร็ว โดยจะนำพลังงานไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อยสูบน้ำจากเขื่อนด้านล่างขึ้นไปกักเก็บไว้ยังอ่างพักน้ำตอนบน เมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงหรือไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนไม่เสถียรก็สามารถปล่อยน้ำผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากลับลงมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทันที โดยปัจจุบันประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับทั้งสิ้น 3 แห่ง รวมกำลังผลิต 1,531 เมกะวัตต์ (MW) ได้แก่ โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จ.นครราชสีมา กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี กำลังผลิต 360 เมกะวัตต์ และเขื่อนภูมิพลจ.ตาก กำลังผลิต 171 เมกะวัตต์ 

ทั้งนี้ กฟผ. มีแผนดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ กำลังผลิต 801 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา คาดว่าจะจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ในปี 2578 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง