เร่งพัฒนาท่าอากาศยานทั่วประเทศ รับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น

กทม. 25 ก.ย.- รัฐบาลเร่งพัฒนาท่าอากาศยานทั่วประเทศ เตรียมรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ส่งเสริมบทบาทไทยเป็น “ศูนย์กลาง” คมนาคมของอาเซียน


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเร่งพัฒนาท่าอากาศยานทั่วประเทศ โดยเร่งปรับปรุงพัฒนาสนามบินที่มีอยู่เดิม เพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับการเดินทางและขนส่งทั้งในและระหว่างประเทศ สอดรับกับนโยบายเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบของรัฐบาล รวมทั้งเป็นการใช้เงินงบประมาณของภาครัฐในการช่วยกระจายเม็ดเงินลงสู่ท้องถิ่น

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่รับผิดชอบการบริหารจัดการสนามบินในประเทศไทย ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และกรมท่าอากาศยาน ดำเนินการปรับปรุงและขยายพื้นที่การใช้งานของสนามบินนานาชาติรวม 3 แห่ง คือ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินอู่ตะเภา และสนามบินต่าง ๆ ในภูมิภาค ให้พร้อมรับการเดินทางท่องเที่ยวและขนส่งทางอากาศเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย


โดยในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ลดความแออัด พร้อมเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคอาเซียน โดยดำเนินการดังนี้

(1) ก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังรองที่ 1 (Satellite 1) ซึ่งมีหลุมจอดเครื่องบินประชิดอาคารเพิ่มอีก 28 หลุม จากเดิมที่มีอยู่ 51 หลุม จะพร้อมเปิดให้บริการในปี 2565 รวมถึงก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2566 (2) ก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักหลังที่ 1 ด้านทิศตะวันออก (East Expansion) รองรับผู้โดยสาร 15 ล้านคนต่อปี เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย 66,000 ตารางเมตร โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายน 2565 และจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2567 (3) ก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) เพื่อรองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคนต่อปีและขยายให้รองรับได้เพิ่มอีกถึง 40 ล้านคนต่อปี โดยจะเพิ่มพื้นที่ใช้สอย 348,000 ตารางเมตร จะเริ่มก่อสร้างในเดือนมกราคม 2566 และจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2568 (4) ก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันตก (West Expansion) รองรับผู้โดยสาร 15 ล้านคนต่อปี เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย 66,000 ตารางเมตร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ เมื่อการก่อสร้างส่วนต่อขยาย ทั้งด้านตะวันออก ตะวันตก และทิศเหนือ แล้วเสร็จ คาดจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มเป็น 120 ล้านคนต่อปี

ขณะที่การพัฒนาสนามบินดอนเมือง เฟส 3 เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้โดยสารเที่ยวบินภายในประเทศ โดยแผนการพัฒนาสนามบินดอนเมืองระยะที่ 3 กำหนดแผนการดำเนินการไว้ ดังนี้ (1) ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 3 พื้นที่ 155,000 ตารางเมตร เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 18 ล้านคนต่อปี โดยเน้นผู้โดยสารระหว่างประเทศเป็นหลัก (2) เพิ่มหลุมจอดเครื่องบิน 12 หลุมจอดทางด้านเหนือ ขณะนี้ออกแบบโครงการเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างร่างขอบเขตการดำเนินโครงการ (TOR) โดยคาดว่าจะออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนได้เร็ว ๆ นี้ (3) โครงการอาคาร JUNCTION BUILDING เพื่อเป็นพื้นที่ร้านค้าและร้านอาหาร และ (4) งานก่อสร้างระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ หรือ APM ช่วงอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ถึงที่จอดรถด้านใต้


สำหรับสนามบินอู่ตะเภา ได้มีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 เสร็จแล้วและเปิดให้บริการไปเมื่อปลายปี 2562 โดยอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 สามารถรองรับผู้โดยสารได้จำนวน 3-5 ล้านคนต่อปี และจะให้บริการได้เต็มศักยภาพในปี 2570 ซึ่งมีประมาณการไว้ว่า จะมีผู้โดยสารมากกว่า 5 ล้านคนต่อปี และรัฐบาลมีแผนจะเชื่อมโยงการขนส่งผู้โดยสาร และสินค้า ระหว่างสนามบินอู่ตะเภา สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิด้วยรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินด้วย

นายอนุชาฯ กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังดำเนินการปรับปรุงสนามบินต่าง ๆ ในภูมิภาคด้วยเพื่อช่วยรองรับและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ทั้งด้านการท่องเที่ยวและการขนส่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันของประเทศในภาพรวม เช่น

  1. สนามบินเบตง จังหวัดยะลา ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้วและเปิดใช้งานแล้ว
  2. สนามบินนานาชาติกระบี่ หนึ่งในสนามบินสำคัญของประเทศและของภาคใต้ รองจากสนามบินภูเก็ตและหาดใหญ่ ซึ่งก่อนเกิดสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด มีชาวไทยและชาวต่างชาติมาใช้บริการสนามบินแห่งนี้เฉลี่ยประมาณ 4 ล้านคนต่อปี และเป็นสนามบินในสังกัดกรมท่าอากาศยานที่สร้างรายได้สูงสุด โดยมีการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 พร้อมปรับปรุงอาคารหลังที่ 1 และ 2 เพื่อให้เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจากเดิม 1,500 คนต่อชั่วโมง เป็น 3,000 คนต่อชั่วโมง หรือ 8 ล้านคนต่อปี นอกจากนั้น ยังได้มีการก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ 2,000 คัน และก่อสร้างลานจอดเครื่องบินพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน ซึ่งสามารถรองรับเครื่องบินโบอิ้ง 737 จากเดิม 10 ลำ เป็น 40 ลำในเวลาเดียวกัน
  3. การขยายสนามบินนานาชาติแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 1.7 ล้านคนต่อปี โดยก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ พร้อมอาคารประกอบ มีพื้นที่ขนาด 12,000 ตารางเมตร ก่อสร้างทางขับ ลานจอดอากาศยานและเสริมผิวทางวิ่งเดิม ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการก่อสร้างต่อเติมความยาวและขยายรันเวย์ เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เช่น B737 หรือ A320 ทั้งนี้ การปรับปรุงและต่อเติมสนามบินแม่สอด มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวเมืองชายแดน โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับเวียดนาม เมียนมา และจีน
  4. การพัฒนาสนามบินขอนแก่น โดยกรมท่าอากาศยานมีโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ให้มีพื้นที่ใช้สอย 28,000 ตารางเมตร และมีโครงการปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังเดิม การก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์หลังใหม่ 7 ชั้น และการปรับปรุงอาคารจอดรถยนต์หลังเดิม โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจากเดิม 1,000 คนต่อชั่วโมง เป็น 2,000 คนต่อชั่วโมง หรือ 5 ล้านคนต่อปี ขณะที่อาคารจอดรถยนต์เดิม 5 ชั้น สามารถรองรับรถยนต์ได้ 450 คัน เมื่อเพิ่มอาคารจอดรถยนต์หลังใหม่อีก จะจอดเพิ่มได้อีก 552 คัน รวมเป็น 1,002 คัน

“การดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานต่าง ๆ ในภูมิภาค เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการส่งเสริมการคมนาคมขนส่งโลจิสติกส์ตามนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย รวมถึงเพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านคมนาคม ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งยังสามารถรองรับการขนส่ง และการเดินทางต่อหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวและกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ” นายอนุชาฯ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]