เร่งพัฒนาท่าอากาศยานทั่วประเทศ รับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น

กทม. 25 ก.ย.- รัฐบาลเร่งพัฒนาท่าอากาศยานทั่วประเทศ เตรียมรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ส่งเสริมบทบาทไทยเป็น “ศูนย์กลาง” คมนาคมของอาเซียน


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเร่งพัฒนาท่าอากาศยานทั่วประเทศ โดยเร่งปรับปรุงพัฒนาสนามบินที่มีอยู่เดิม เพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับการเดินทางและขนส่งทั้งในและระหว่างประเทศ สอดรับกับนโยบายเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบของรัฐบาล รวมทั้งเป็นการใช้เงินงบประมาณของภาครัฐในการช่วยกระจายเม็ดเงินลงสู่ท้องถิ่น

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่รับผิดชอบการบริหารจัดการสนามบินในประเทศไทย ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และกรมท่าอากาศยาน ดำเนินการปรับปรุงและขยายพื้นที่การใช้งานของสนามบินนานาชาติรวม 3 แห่ง คือ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินอู่ตะเภา และสนามบินต่าง ๆ ในภูมิภาค ให้พร้อมรับการเดินทางท่องเที่ยวและขนส่งทางอากาศเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย


โดยในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ลดความแออัด พร้อมเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคอาเซียน โดยดำเนินการดังนี้

(1) ก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังรองที่ 1 (Satellite 1) ซึ่งมีหลุมจอดเครื่องบินประชิดอาคารเพิ่มอีก 28 หลุม จากเดิมที่มีอยู่ 51 หลุม จะพร้อมเปิดให้บริการในปี 2565 รวมถึงก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2566 (2) ก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักหลังที่ 1 ด้านทิศตะวันออก (East Expansion) รองรับผู้โดยสาร 15 ล้านคนต่อปี เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย 66,000 ตารางเมตร โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายน 2565 และจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2567 (3) ก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) เพื่อรองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคนต่อปีและขยายให้รองรับได้เพิ่มอีกถึง 40 ล้านคนต่อปี โดยจะเพิ่มพื้นที่ใช้สอย 348,000 ตารางเมตร จะเริ่มก่อสร้างในเดือนมกราคม 2566 และจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2568 (4) ก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันตก (West Expansion) รองรับผู้โดยสาร 15 ล้านคนต่อปี เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย 66,000 ตารางเมตร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ เมื่อการก่อสร้างส่วนต่อขยาย ทั้งด้านตะวันออก ตะวันตก และทิศเหนือ แล้วเสร็จ คาดจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มเป็น 120 ล้านคนต่อปี

ขณะที่การพัฒนาสนามบินดอนเมือง เฟส 3 เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้โดยสารเที่ยวบินภายในประเทศ โดยแผนการพัฒนาสนามบินดอนเมืองระยะที่ 3 กำหนดแผนการดำเนินการไว้ ดังนี้ (1) ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 3 พื้นที่ 155,000 ตารางเมตร เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 18 ล้านคนต่อปี โดยเน้นผู้โดยสารระหว่างประเทศเป็นหลัก (2) เพิ่มหลุมจอดเครื่องบิน 12 หลุมจอดทางด้านเหนือ ขณะนี้ออกแบบโครงการเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างร่างขอบเขตการดำเนินโครงการ (TOR) โดยคาดว่าจะออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนได้เร็ว ๆ นี้ (3) โครงการอาคาร JUNCTION BUILDING เพื่อเป็นพื้นที่ร้านค้าและร้านอาหาร และ (4) งานก่อสร้างระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ หรือ APM ช่วงอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ถึงที่จอดรถด้านใต้


สำหรับสนามบินอู่ตะเภา ได้มีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 เสร็จแล้วและเปิดให้บริการไปเมื่อปลายปี 2562 โดยอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 สามารถรองรับผู้โดยสารได้จำนวน 3-5 ล้านคนต่อปี และจะให้บริการได้เต็มศักยภาพในปี 2570 ซึ่งมีประมาณการไว้ว่า จะมีผู้โดยสารมากกว่า 5 ล้านคนต่อปี และรัฐบาลมีแผนจะเชื่อมโยงการขนส่งผู้โดยสาร และสินค้า ระหว่างสนามบินอู่ตะเภา สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิด้วยรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินด้วย

นายอนุชาฯ กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังดำเนินการปรับปรุงสนามบินต่าง ๆ ในภูมิภาคด้วยเพื่อช่วยรองรับและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ทั้งด้านการท่องเที่ยวและการขนส่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันของประเทศในภาพรวม เช่น

  1. สนามบินเบตง จังหวัดยะลา ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้วและเปิดใช้งานแล้ว
  2. สนามบินนานาชาติกระบี่ หนึ่งในสนามบินสำคัญของประเทศและของภาคใต้ รองจากสนามบินภูเก็ตและหาดใหญ่ ซึ่งก่อนเกิดสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด มีชาวไทยและชาวต่างชาติมาใช้บริการสนามบินแห่งนี้เฉลี่ยประมาณ 4 ล้านคนต่อปี และเป็นสนามบินในสังกัดกรมท่าอากาศยานที่สร้างรายได้สูงสุด โดยมีการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 พร้อมปรับปรุงอาคารหลังที่ 1 และ 2 เพื่อให้เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจากเดิม 1,500 คนต่อชั่วโมง เป็น 3,000 คนต่อชั่วโมง หรือ 8 ล้านคนต่อปี นอกจากนั้น ยังได้มีการก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ 2,000 คัน และก่อสร้างลานจอดเครื่องบินพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน ซึ่งสามารถรองรับเครื่องบินโบอิ้ง 737 จากเดิม 10 ลำ เป็น 40 ลำในเวลาเดียวกัน
  3. การขยายสนามบินนานาชาติแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 1.7 ล้านคนต่อปี โดยก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ พร้อมอาคารประกอบ มีพื้นที่ขนาด 12,000 ตารางเมตร ก่อสร้างทางขับ ลานจอดอากาศยานและเสริมผิวทางวิ่งเดิม ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการก่อสร้างต่อเติมความยาวและขยายรันเวย์ เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เช่น B737 หรือ A320 ทั้งนี้ การปรับปรุงและต่อเติมสนามบินแม่สอด มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวเมืองชายแดน โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับเวียดนาม เมียนมา และจีน
  4. การพัฒนาสนามบินขอนแก่น โดยกรมท่าอากาศยานมีโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ให้มีพื้นที่ใช้สอย 28,000 ตารางเมตร และมีโครงการปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังเดิม การก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์หลังใหม่ 7 ชั้น และการปรับปรุงอาคารจอดรถยนต์หลังเดิม โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจากเดิม 1,000 คนต่อชั่วโมง เป็น 2,000 คนต่อชั่วโมง หรือ 5 ล้านคนต่อปี ขณะที่อาคารจอดรถยนต์เดิม 5 ชั้น สามารถรองรับรถยนต์ได้ 450 คัน เมื่อเพิ่มอาคารจอดรถยนต์หลังใหม่อีก จะจอดเพิ่มได้อีก 552 คัน รวมเป็น 1,002 คัน

“การดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานต่าง ๆ ในภูมิภาค เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการส่งเสริมการคมนาคมขนส่งโลจิสติกส์ตามนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย รวมถึงเพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านคมนาคม ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งยังสามารถรองรับการขนส่ง และการเดินทางต่อหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวและกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ” นายอนุชาฯ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ไทยมีฝนเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 6 จว.ระวังน้ำท่วม

กทม. 16 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนล่าง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ […]

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]