ทำเนียบฯ 6 ก.ย.-ครม. เห็นชอบเงินกู้ กฟผ. วงเงิน 85,000 ล้านบาท หลังตรึงค่า Ft เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กู้เงินเพื่อบริหารภาระค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ตามนโยบายของรัฐบาลประจำปีงบประมาณ 2566 วงเงินไม่เกิน 85,000 ล้านบาท เพื่อให้กฟผ. ใช้ปรับโครงสร้างหนี้ จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จ ให้สอดคล้องกับสภาพคล่องในตลาดเงิน ครม. ยังรับทราบผลการ ปรับค่าไฟฟ้า ตามสูตรค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ของ กฟผ. ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ 4/ 2565 ( 22 มิถุนายน 65)
นายอนุชา กล่าวว่า ราคาพลังงานปัจจุบัน ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ กฟผ. ยังต้องรับภาระอัตราค่า (Ft) เพิ่มขึ้น โดยชะลอการนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงงวดตั้งแต่เดือนกันยายน- ธันวาคม 65 (งวดปัจจุบัน) ไปคิดคำนวณจากราคาพลังงานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ขณะที่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน มอบหมายให้ กฟผ. ช่วยรับภาระอัตราค่า (Ft) ที่เพิ่มขึ้น ชะลอการนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่งวดเดือนกันยายน- ธันวาคม 64 จนถึงงวดเดือนพฤษภาคม- สิงหาคม 2565 เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 87,849 ล้านบาท
เมื่อ กฟผ. ต้องเรียกเก็บจากประชาชนในระยะนี้ ต้องเลื่อนออกไปก่อน ส่งผลให้ กฟผ. ต้องรับภาระอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ทำให้สภาพคล่องทางการเงินลดลงอย่างต่อเนื่อง กระทบต่อกระแสเงินสดของ กฟผ. ขาดเงินสูงสุดในวันที่ 30 มีนาคม 2566 ประมาณ 74,000 ล้านบาท จึงจำเป็นกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ประจำปีง 66 เพื่อบริหารภาระค่าไฟฟ้า Ft ในกรอบวงเงินไม่เกิน 84,000 ล้านบาท ด้วยการกู้เงินปบบ สัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กู้เบิกเกินบัญชี ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำ Trust Receipt (T/R) และการทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม(Call Loan) โดยกระทรวงการคลัง ผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ครั้งที่ 4 / 2565 เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 รับทราบการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ และให้ กฟผ. ช่วยรับภาระค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น ด้วยการชะลอการนำค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น มาเรียกเก็บกับประชาชนระยะนี้ไว้ก่อน เพื่อช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนตามมติ ครม. 3 มีนาคม2563 และ 29 มีนาคม 2565 .-สำนักข่าวไทย