สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค จัดงาน“นับถอยหลัง APEC CEO Summit 2022

กรุงเทพฯ 1 ก.ย.-สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค จัดงาน“นับถอยหลัง APEC CEO Summit 2022 เวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผู้นำธุรกิจแห่งเอเชียแปซิฟิก พร้อมผนึกกำลัง PwC – พันธมิตรด้านองค์ความรู้ ผู้สนับสนุนข้อมูลธุรกิจเชิงลึก”


สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) นำโดย นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธาน APEC CEO Summit 2022 และสมาชิกสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคไทย พร้อมด้วย นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ Executive Director, APEC CEO Summit 2022 และ Alternate Member สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคไทย แถลงความพร้อมในฐานะเจ้าภาพ ในฐานะผู้ดำเนินงาน APEC CEO Summit 2022 เวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผู้นำธุรกิจแห่งเอเชียแปซิฟิกรวม 21 เขตเศรษฐกิจแห่งปี มั่นใจในแนวทาง การรับรอง และการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกระหว่างการประชุมวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 ผ่านการผนึกกำลังกับ PwC – พันธมิตรด้านองค์ความรู้ ผู้สนับสนุนข้อมูลด้านธุรกิจตลอดกิจกรรม

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธาน APEC CEO Summit 2022 และสมาชิกสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคไทย เปิดเผยว่า ภาคเอกชนไทย พร้อมแล้วสำหรับบทบาทเจ้าภาพ ภายใต้การจัดงานในแนวทาง ‘Embrace, Engage Enable’ การประชุมที่นับเป็นการรวมตัวสุดยอดซีอีโอ ผู้นำเอเปค ผู้กำหนดนโยบาย และผู้นำทางความคิดระดับภูมิภาคและระดับโลกจาก 21 เขตเศรษฐกิจ ในการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการค้าและเศรษฐกิจ ตลอดจนการแสวงหาแนวทางในการแก้ไขประเด็นที่สำคัญ และการจัดการกับความท้าทายที่ธุรกิจต่างๆ ที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั้งโลกกำลังเผชิญ ทั้งนี้ สำหรับสถานที่การจัดงาน ได้มีการยืนยันเป็น โรงแรม ดิแอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล เนื่องจากมีพิกัดใกล้เคียงกับการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค  (APEC 2022) ของภาครัฐบาล ซึ่งจะอำนวยความสะดวกทางด้านการจราจรให้กับผู้เข้าร่วมประชุมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม จะมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ณ เดอะ ริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม และการจัดกาลาดินเนอร์ ณ ห้องรอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน ในวันที่ 17 พฤศจิกายน2565 นอกเหนือจากสถานที่การจัดประชุมหลัก


สำหรับความพิเศษของการประชุมในปีนี้ จะมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงทางเศรษฐกิจและธุรกิจทั่วโลกเดินทางเข้าร่วมงานแบบพร้อมหน้า รวมทั้งผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคมากกว่า 10 ประเทศ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อต่าง ๆ ที่กำลังเป็นประเด็นที่น่าสนใจ รวมทั้งผู้นำทางความคิดและวิทยากร ที่ล้วนแต่เป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลต่อการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกอีกด้วย 

ในฐานะเจ้าภาพ นับเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้เป็นเวทีทางการค้าและการลงทุนที่สำคัญ ตลอดจนเป็นการแสดงศักยภาพของภาคธุรกิจไทยสู่เวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคงด้านอาหาร การลงทุน การท่องเที่ยว การเงินทั้งนี้ ภาคเอกชนกำลังระดมกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่จากทั่วประเทศให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดงาน ซึ่งนับเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญจากภาคเอกชนไทย เพราะกลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศต่อไปในอนาคต

นายเกษมสิทธิ์ ปฐมศักดิ์ Executive Director, APEC CEO Summit 2022 และ Alternate Member สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคไทย กล่าวถึงความตั้งใจในการออกแบบแนวทางและเนื้อหาการประชุมไว้ว่า  สำหรับแนวทางการจัดงาน เราได้เน้นด้านการประชุมแบบ ‘Green Meeting’ หรือการจัดการประชุมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีการหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืน (Sustainability) อันเป็นหนึ่งในห้ากลยุทธ์การทำงานของสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค แนวทางดังกล่าวเราได้ถ่ายทอดผ่านการเลือกสถานที่ (Green Venue) ,การจัดเตรียมเอกสาร (Green Document), การจัดเตรียมอุปกรณ์ (Green Arrangement), การจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม (Green Catering) และการทำ Carbon Footprint ที่ส่งเสริมการประหยัดพลังงานและลดปริมาณขยะ อันเป็นแนวทางที่มีความหมายอย่างยิ่ง 


ด้วยผู้นำทางธุรกิจต่างมีวิสัยทัศน์ที่เห็นพ้องต้องกันในด้านการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน รวมทั้งมีการนำMobile Application มาใช้ในการดูแลผู้เข้าร่วมประชุม (Smart Hospitality) อย่างเต็มรูปแบบ มากไปกว่านั้น ยังมีความมุ่งมั่นที่จะกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางความคิดเห็นที่ลึกซึ้งและครอบคลุม โปรแกรมตลอดสามวัน จึงอัดแน่นด้วยข้ออภิปรายและการแสดงข้อเสนอแนะระหว่างกันอย่างลุ่มลึก เพื่อส่งเสียงแห่งภาคธุรกิจไปยังภาคนโยบายในการร่วมขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกัน และแน่นอนด้วยว่า เป็นการแสดงพลังระหว่างผู้นำทางธุรกิจด้วยกันในฐานะประชาชนแห่งชุมชนเอเชียแปซิฟิค การเรียนรู้กันและกัน และร่วมสอดประสานทำงานร่วมกันระหว่าง 21 เขตเศรษฐกิจ

โดยหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้การประชุมมีความลึกซึ้งด้านข้อมูล และกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางความคิดเห็นในวงกว้าง สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) จึงได้เพิ่มแนวทางในการส่งเสริมปัจจัยนี้ ด้วยการผนึกกำลังร่วมกับ PwC ในฐานะพันธมิตรด้านองค์ความรู้ (Knowledge Partner) โดยจะให้การสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ เศรษฐกิจ และการลงทุนต่อคณะประชุม ด้วย PwC เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชี กฎหมายและภาษี และที่ปรึกษาทางธุรกิจชั้นนำของโลก 

นายชาญชัย ชัยประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร PwC ประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “เรามีความยินดีที่ได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่นี้เป็นปีที่ 13 ติดต่อกัน ในฐานะพันธมิตรด้านองค์ความรู้ PwC จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเพื่อกระตุ้นและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้นำธุรกิจในประเด็นสำคัญ ๆ ที่ภูมิภาคนี้กำลังเผชิญ ทั้งการฟื้นฟูเศรษฐกิจเอเปคท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และการเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อสร้างความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจผ่านการประชุม APEC CEO Summit 2022 ในครั้งนี้

ทั้งนี้ สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมนับถอยหลังและทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพในโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ร่วมกัน  อันเป็นโอกาสอันดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนการสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลกร่วมกัน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย