ริยาดฯ 30 ส.ค. – เอกชนไทย 138 ราย เปิดโต๊ะเจรจาผู้นำเข้าสินค้าไทยในซาอุฯ สำเร็จ ปิดยอดขายทันทีกว่า 2,200 ล้านบาท คาดไม่เกิน 1 ปี ยอดซื้อขายสินค้าไทยเพิ่มอีกกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะที่ รมว.พาณิชย์ปลื้มผลสำเร็จเดินทางเยือนซาอุฯ ผู้บริหารประเทศไฟเขียวทุกมิติ พร้อมเชิญนักธุรกิจไทยและซาอุฯ ร่วมการค้า-การลงทุนเพิ่ม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยผู้แทนภาครัฐและเอกชนแถลงภายหลังการพบหารือกับ มร.อัจลาน อะลาจลัน ประธานสภาหอการค้าซาอุดีอาระเบีย หลังเปิดงาน Saudi-Thai Business Forum ที่ สภาหอการค้าซาอุดีอาระเบีย โดยถือว่าเป็นกิจกรรมใหญ่ที่นำคณะเอกชน 138 ราย เพื่อเจรจาการค้าระหว่างกัน และถือว่าประสบความสำเร็จ โดยสามารถทำ MOU ร่วมกันระหว่างสภาเอกชนของประเทศไทยกับสภาเอกชนของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-ซาอุดีอาระเบียขึ้นมา
ทั้งนี้ หลังจากนี้สภาธุรกิจไทย-ซาอุดีอาระเบีย ได้ลงนามจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-ซาอุฯ คาดว่าจะมีการเจรจาทางการค้าระหว่างกันไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ภายใน 1 ปี และทำสัญญาซื้อขายทันที 10 คู่ ทั้งที่เจดดาห์และริยาด มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท และจัดกิจกรรมเจรจาซื้อขายทางธุรกิจ เจรจาซื้อขายจริง ทำสัญญาในเวลาที่กำหนดและตกลงราคากันเพิ่มเติมทั้งที่ริยาดและเจดดาห์อีกไม่ต่ำ 1,200 ล้านบาท ทำให้รวมยอดในกิจกรรมเยือนซาอุฯ ครั้งนี้มีรายได้ถึง 12,200 ล้านบาท จึงเป็นผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมจากการเดินทางนำคณะเอกชนมาที่ซาอุดิอาระเบียในเที่ยวนี้
“โดยเฉพาะสินค้าอาหารเป็นหลัก เครื่องปรุงรส ผักสด เครื่องแกง อาหารกระป๋อง อาหารทะเล ทูน่ากระป๋อง ซาดีนกระป๋อง ผลไม้กระป๋องและผลไม้สด รวมทั้งสินค้าอื่น ๆ ที่ใช้วัตถุดิบทางการเกษตร อาหารเสริม วันนี้ขายได้ดีและสินค้าเหล่านี้เริ่มมีวางขายที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในซาอุดีอาระเบียแล้วไม่ว่าจะเป็นห้าง LuLu hypermarket หรือห้าง Manuel Market ที่ตนไปเมื่อวาน มีสินค้าเหล่านี้วางขายและอาหารไทย ผลไม้ไทยสินค้าอาหารกระป๋อง ถือว่าเป็นอาหารยอดนิยมของซาอุดีอาระเบียของคนที่นี่ มีอนาคตและคิดว่าในอนาคตซาอุดีอาระเบียจะเป็นประตูในการกระจายสินค้าไทยไปกลุ่มประเทศตะวันออกกลางรวมทั้งกลุ่ม GCC กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ 6 ประเทศด้วย” นายจุรินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียต้องการดึงนักลงทุนจากทั่วโลกและนักลงทุนจากให้ไทย เพื่อร่วมโครงการใหญ่ที่ท่านมกุฎราชกุมารของซาอุดรอาระเบียทรงเปิดตัวออกมา คือ โครงการ Saudi Vision 2030 แต่จะดึงนักลงทุนจากทั่วโลก ไทยมีความสนใจ และไทยสนใจที่ดึงนักลงทุนจากซาอุดีอาระเบียลงทุนที่ประเทศไทยด้วยเช่นกันทั้งการค้าการลงทุนการท่องเที่ยวรวมทั้งภาคการผลิตอื่น ๆ
นายจุรินทร์ กล่าวบนเวที Saudi-Thai Business Forum ว่า ปัจจุบันโลกกําลังเผชิญกับปัญหาความท้าทายที่สําคัญยิ่ง คือความมั่นคงด้านพลังงานและด้านอาหาร จึงเป็นช่วงเวลาสําคัญที่สุดที่ทั้ง 2 ประเทศจะเร่งกระชับความเชื่อมโยง เพื่อเสริมศักยภาพของกันและกัน ในการเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นความเข้มแข็งร่วมกัน โดยซาอุดีอาระเบีย จะแหล่งความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศไทย และประเทศไทยจะเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารให้ซาอุดีอาระเบีย
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ได้เชิญชวนนักลงทุนชาวซาอุดีอาระเบียมาลงทุนในประเทศไทยโดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้าจาก FTA ที่ประเทศไทยทํากับ 18 ประเทศ 14 ฉบับ อาทิ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ฮ่องกง เปรู ชิลี RCEP และจะทําเพิ่ม เช่น EFTA และ UK และไทยยังมีศักยภาพเป็นประตูการค้าสู่อาเซียน และซาอุดีอาระเบียเป็นประตูการค้าสู่ตะวันออกกลางได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย