“เฉลิมชัย” สั่งบริหารจัดการน้ำส่วนเกิน เตรียมผันน้ำเข้าบางระกำโมเดล

กรุงเทพฯ  25 ส.ค. – รมว.เกษตรฯ สั่งกรมชลประทานบริหารจัดการน้ำส่วนเกินจากฝนที่ตกหนักทางตอนบนของประเทศ สู่ลุ่มเจ้าพระยาซึ่งพื้นที่เกษตรต้องการน้ำ ส่วนน้ำที่ไหลลงเขื่อนให้เก็บกักไว้มากที่สุด ด้านอธิบดีกรมชลประทานเร่งจำกัดภาวะน้ำหลากโดยเฉพาะน่าน สุโขทัย และร้อยเอ็ด


นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กรมชลประทานรายงานสถานการณ์อุทกภัยว่า เกิดขึ้น 7 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ น่าน สุโขทัย ร้อยเอ็ด และสกลนคร จึงสั่งการให้เร่งระบายน้ำที่ท่วมขังบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรออกจนกว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ

ทั้งนี้ กำชับให้บริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยน้ำที่ไหลลงเขื่อนตอนบนของประเทศให้เก็บกักไว้ใช้จนถึงฤดูแล้ง ส่วนน้ำที่ท่วมพื้นที่ใต้เขื่อนให้ระบายลงสู่ลำน้ำธรรมชาติแล้วบริหารจัดการเข้าสู่ระบบชลประทาน เพื่อส่งน้ำไปเลี้ยงพื้นที่เกษตรลุ่มเจ้าพระยาที่ยังขาดน้ำ นอกจากนี้ ยังให้เตรียมทุ่งบางระกำ ซึ่งเกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวหมดแล้วให้พร้อมรับน้ำหลาก หากมีฝนตกหนักอีก ซึ่งการบริหารจัดการรูปแบบบางระกำโมเดลนั้น สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยได้เป็นอย่างดีตั้งแต่จัดทำขึ้นมา


นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำ จ.แม่ฮ่องสอนว่า ยังมีอุทกภัย 4 อำเภอ คือ อ.เมือง น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมทางเข้าสถานปฏิบัติธรรมวัดป่าถ้ำวัวบ้านแม่สุยะ ต.ห้วยผา รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ และลำน้ำปายเอ่อท่วมพืชผลทางการเกษตรบ้านสบสอย หมู่ที่ 7 ต.ปางหมูเป็นรอบที่ 2 และหลากเข้าอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ อ.ปางมะผ้า น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ติดลำน้ำบริเวณบ้านไม้ซางหนาม หมู่ที่ 7 ต.นาป้อม และเขตรักษาพันธุ์สัตว์เขตสันปันแดน ต.นาปูป้อม อ. แม่ลาน้อย ลำน้ำแม่ลาหลวงได้เพิ่มขึ้นและล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวหลายพื้นที่ และ อ.ขุนยวม น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพืชผลทางการเกษตรติดกับลำน้ำ ต.เมืองปอน แม่เงา และขุนยวม จ.ลำพูน เกิดน้ำป่าไหลหลากในลำน้ำแม่ขนาด สาขาแม่น้ำทา พัดพาเศษไม้ไผ่ ติดกีดขวางทางน้ำที่หน้าสะพานเหนือฝายทุ่งโปร่ง ซึ่งโครงการชลประทานลำพูนนำรถแบคโฮเข้ากำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำกวงและแม่น้ำปิง ระดับน้ำในลำน้ำมีแนวโน้มลดลง จ.แพร่ น้ำจากลำห้วยแม่สาย-แม่ก๋อนหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎรในหมู่บ้านป่าแดง หมู่ที่ 3 และ 5 ต.ป่าแดง อ.เมือง และมีน้ำท่วมขัง อ.วังชิ้น แต่แนวโน้มระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ จ.น่าน ฝนตกหนัก ทำให้น้ำในลำน้ำเพิ่มสูงขึ้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในพื้นที่ต่าง ๆ 3 อำเภอ ได้แก่ อ. เฉลิมเกียรติ โดย ต.ขุนน่าน ดินสไลด์ปิดทับผิวทางจราจร รถไม่สามารถผ่าน เส้นทางหมายเลข 1081 – 0103 บ่อเกลือ – เฉลิมเกียรติ กม. 112+350 – 112+975 อ. เมืองมีน้ำหลากต. สวก หมู่ที่ 5 7 11 และ 13 บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 60 ครัวเรือน อ.ภูเพียง ต.เมืองจัง บ้านเมืองหลวง หมู่ที่ 5 บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 3 ครัวเรือน อ.เวียงสา ในพื้นที่ลุ่มต่ำมาก ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 3.45 เมตร

ส่วน จ.สุโขทัยระดับแม่น้ำยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพิ่มสูง ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมตลิ่ง 3 อำเภอได้แก่ อ.สวรรคโลก ระดับน้ำยมเกินเกณฑ์ระดับควบคุม 1.10 เมตร จุดที่ 1 ด้านเหนือประตูระบายน้ำ (ปตร.) บ้านหาดสะพานจันทร์ น้ำล้นคันตลิ่งแม่น้ำยม หมู่ 3 ต.ป่ากุมเกาะ 350 เมตร บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ 9 หมู่บ้าน 1,019 ครัวเรือน จุดที่ 2 คันแม่น้ำยมฝั่งขวาขาดบริเวณ หมู่ที่ 7 ต. คลองกระจง ยาวประมาณ 20 เมตร บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ 6 หมู่บ้าน อ.ศรีสำโรง เกิดคันดินขาด 2 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 บริเวณคอสะพานฝั่งขวาเข้าท่วมพื้นที่ ต.วัดเกาะ ไม่สามารถสัญจรได้ จุดที่ 2 คันแม่น้ำยมฝั่งซ้ายขาดบริเวณซอยหลังวัดโสภาราม ต. สามเรือน ยาวประมาณ 20 เมตร บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ 1 หมู่บ้าน 180 ครัวเรือน


อ.เมือง มีคันดินขาด 2 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 คันดินแม่น้ำยมฝั่งขวาขาดบริเวณ หมู่ที่ 1 ต. ปากแควขยายเพิ่มขึ้น จาก 20 เมตร เป็น 50 เมตร บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ 2 หมู่บ้าน 513 ครัวเรือน และจุดที่ 2 คันดินแม่น้ำยมฝั่งซ้ายขาดบริเวณ หมู่ที่ 6 ต.ปากพระขยายเพิ่มขึ้นจาก 5 เมตรเป็น 15 เมตร บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ 3 ตำบล 1,200 ครัวเรือน ทางโครงการชลประทานสุโขทัยควบคุมปริมาณน้ำด้านหน้าปตร.หาดสะพานจันทร์ให้ระบายลงสู่แม่น้ำยมสายหลักไม่เกิน 720 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ระบายน้ำออกตามคลองที่เชื่อมที่เชื่อมกับแม่น้ำยมตั้งแต่อ.สวรรคโลกถึงอ.เมือง รวมประมาณ 170 ลบ.ม./วินาที โดยความจุของแม่น้ำยมซึ่งผ่านตัวเมืองอยู่ที่ 550 ลบ.ม./วินาที จึงมั่นใจได้ว่า น้ำจะไม่ท่วมตัวเมืองสุโขทัยแน่นอน

สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ร้อยเอ็ดฝนตกหนักในเขตลุ่มน้ำยังตอนบน จ.กาฬสินธุ์และลุ่มน้ำยังตอนล่าง จ.ร้อยเอ็ด ส่งผลให้ระดับน้ำในลุ่มน้ำยังตอนล่างเพิ่มสูงขึ้นและมีน้ำท่วม อ.เสลภูมิ รวม 7 ตำบล พื้นที่ 9,450 ไร่ โครงการชลประทานร้อยเอ็ดบริหารจัดการโดยวางแผนตัดยอดระบายน้ำที่ประตูระบายน้ำในระบบสามารถตัดยอดระบายน้ำสูงสุดได้รวม 40 ลบ.ม./วินาที และสามารถนำเข้าไปเก็บในแก้มลิง 3 แห่งได้แก่ บึงบ่อแก บึงเกลือ และกุดปลาคูณ จึงเรียงหินป้องกันการกัดเซาะจากการตัดยอดน้ำด้านท้ายน้ำ บูรณาการจัดจราจรน้ำชี-น้ำยัง ร่วมกับสำนักงานชลประทานที่ 6 และ 7 โดยการเปิดบานระบายน้ำพร่องน้ำในเขื่อนยโสธรและเขื่อนธาตุน้อยไว้รองรับปริมาณน้ำที่จะไหลมาสมทบจากน้ำยังตอนบนด้วย

จ. สกลนคร อิทธิพลของพายุฮีโกสทำให้เกิดฝนตกหนัก จนน้ำไหลหลาก อ.ส่องดาว สว่างแดนดิน และวาริชภูมิ ทำให้ลำน้ำยามและห้วยปลาหางที่เป็นลำห้วยรับน้ำได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรหลายหมู่บ้าน ขณะนี้เหลือพื้นที่น้ำท่วมประมาณ 200 ไร่ ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร โครงการชลประทานสกลนคร ใช้เครื่องจักรขุดคันดินคลอง LMC ช่วง กม.2+500 เพื่อช่วยระบายน้ำออกจากพื้นที่และเตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว 3 เครื่องและเปิดประตูระบายน้ำโครงการห้วยปลาหางตอนล่าง 3 บาน คาดว่า สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติใน 1-2 วันนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]