กรุงเทพฯ 9 ส.ค.- กองอำนวยการน้ำแห่งชาติออกประกาศเฝ้าระวังแม่น้ำป่าสักเนื่องจากฝนตกหนัก ล่าสุดแม่น้ำป่าสักล้นตลิ่งในอ. หล่มสัก จ. เพชรบูรณ์ นอกจากนี้ยังต้องเฝ้าระวังภาวะน้ำทะเลหนุนสูงวันที่ 10 – 16 สิงหาคมซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาสูงประมาณ 1.80 – 2.10 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติก (สทนช.) ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า กอนช. ออกประกาศเรื่อง เฝ้าระวังแม่น้ำป่าสักและน้ำทะเลหนุนสูงบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา โดยกอนช. วิเคราะห์จากสถานการณ์ฝนตกหนักหลายพื้นที่ในช่วงวันที่ 7 – 9 สิงหาคม 2565 พบว่า ในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสักมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทำให้มีปริมาณน้ำท่าไหลลงแม่น้ำป่าสักเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ระดับน้ำล้นตลิ่งบริเวณ สถานี S.3 อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยระดับน้ำยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่อำเภอหล่มสัก คาดการณ์ว่า ระดับน้ำจะลดลงต่ำกว่าระดับตลิ่ง ในวันที่ 12 สิงหาคม 2565
ทั้งนี้ปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลหลากมายังลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันกรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยควบคุมการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 700 – 1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประกอบกับการคาดการณ์ระดับน้ำทะเลหนุนสูงพบว่า แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า จังหวัดสมุทรปราการในช่วงวันที่ 10 – 16 สิงหาคม 2565 เวลาประมาณ 18.00 – 21.00 น. เป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง คาดว่า ระดับน้ำอาจมีความสูงประมาณ 1.80 – 2.10 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางและส่งผลกระทบต่อบริเวณพื้นที่ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว บริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร
ขณะนี้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งบริเวณแม่น้ำป่าสักและผลกระทบจากระดับน้ำล้นตลิ่งบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาเนื่องจากสภาวะน้ำทะเลหนุนสูง ตลอดจนให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ดังนี้
1. ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำทราบล่วงหน้า
2. เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที
3. ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และประตูระบายน้ำเพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์.-สำนักข่าวไทย