กรุงเทพฯ 5 พ.ค. – กรมวิชาการเกษตรสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกตรวจร้านขายสารเคมีและปุ๋ย อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี หลังมีหนังสือร้องเรียนชี้เบาะแส พบปุ๋ยและวัตถุอันตรายทั้งไม่มีทะเบียนและทะเบียนหมดอายุรวมกว่า 3,000 ลิตร 560 กิโลกรัม อายัดของกลางมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตรว่า ได้รับหนังสือร้องเรียนจากเกษตรกรพบร้านจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตรและปุ๋ยเคมีที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในพื้นที่ อ.ดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรประสานกับเจ้าหน้าที่ กก.2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้าร่วมกันตรวจค้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่กำชับให้กรมวิชาการเกษตรเข้มงวดตรวจสอบปัจจัยการผลิตทางการเกษตรเพื่อป้องกันไม่ให้เกษตรกรโดนหลอกซื้อปัจจัยการผลิตที่ไม่มีคุณภาพไปใช้ทำการเพาะปลูก
จากการเข้าตรวจค้นร้านค้าดังกล่าวพบวัตถุอันตรายทางการเกษตร 23 รายการและปุ๋ยเคมี 3 รายการ ผลการตรวจสอบพบว่าผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย 22 รายการ ไม่มีเลขทะเบียน ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดตามพ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ยังตรวจพบผลิตภัณฑ์สารกำจัดแมลง 1 รายการ ทะเบียนวัตถุอันตรายหมดอายุ ปุ๋ยเคมี 3 รายการ ไม่มีเลขทะเบียน ต้องได้รับโทษ ตาม พ.ร.บ. ปุ๋ย พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยบทกำหนดโทษขายปุ๋ยเคมีไม่ขึ้นทะเบียน จำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 3 ปีและปรับตั้งแต่ 20,000 – 120,000 บาท เบื้องต้นตรวจสอบพบว่า สถานที่ดังกล่าวมีใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายและใบอนุญาตขายปุ๋ยถูกต้อง
สารวัตรเกษตรและเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันตรวจยึดอายัดวัตถุอันตรายและปุ๋ยเคมีปริมาณทั้งหมด 3,857.50 ลิตร และ 560.90 กิโลกรัมไว้ในที่เกิดเหตุ โดยมูลค่าของกลางที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ประมาณ 2,200,000 บาท พร้อมเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยว่า เป็นวัตถุอันตรายและปุ๋ยเคมีส่งตรวจวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย