กรุงเทพฯ 24 ก.พ.- กรมวิชาการเกษตรร่วมกับตำรวจ ปคบ. จับบริษัทลักลอบขายสารเคมีโดยไม่มีทะเบียนและไม่มีใบอนุญาตขาย เป็นการหลอกลวงเกษตรกร พบทั้งสารกำจัดแมลงและกำจัดโรคพืช ซึ่งไม่มีทะเบียนวัตถุอันตราย เจ้าพนักงานอายัดแล้วดำเนินคดีตามตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย
นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรสืบพบสถานที่ต้องสงสัยว่า มีการจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตรไม่ถูกต้องตามกฎหมายในจังหวัดปทุมธานี โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวระบุจัดจำหน่ายโดยบริษัท กรีนแพลนท์เนอร์ กอล์ฟ 2556 จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 98/184 ม.4 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 กก.2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรีเพื่อเข้าตรวจค้น
ทั้งนี้เจ้าพนักงานพบวัตถุอันตรายทางการเกษตร 20 รายการ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์สารกำจัดแมลง ชื่อการค้า ซีมพอสซ์ ชื่อสามัญ คาร์โบซัลแฟน บรรจุในขวดแก้ว สีชา ขนาดบรรจุ 1,000 ซีซี 36 ขวด และผลิตภัณฑ์สารป้องกันและกำจัดโรคพืช ชื่อการค้า ซิมลีเอท ชื่อสามัญ ฟอสอีทิล-อลูมิเนียม บรรจุในซองฟอยด์ สีบร์อน ขนาดบรรจุน้ำหนัก 1 กิโลกรัม 12 ซอง โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดไม่มีเลขทะเบียนวัตถุอันตราย ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งตรวจพบผลิตภัณฑ์สารป้องกันกำจัดโรคพืชและผลิตภัณฑ์สารกำจัดแมลง 3 รายการ ทะเบียนวัตถุอันตรายหมดอายุด้วย
นอกจากนี้ยังพบว่า สถานที่ดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายแต่อย่างใด ซึ่งผู้ประกอบกิจการขายวัตถุอันตรายทางการเกษตร ต้องได้รับอนุญาตครอบครองจากพนักงานเจ้าหน้าที่และต้องมีผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เป็นผู้ควบคุมการขายวัตถุอันตรายทางการเกษตร หากฝ่าฝืน ต้องได้รับโทษ ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวต่อว่า เจ้าพนักงานอายัดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไว้ในที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยมูลค่าของกลางประมาณ 400,000 บาท เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยส่งตรวจวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายเพิ่มเติมอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย