กรุงเทพฯ 26 พ.ค. – รมว.เกษตรฯ เผย กนช.เห็นชอบโครงการเร่งด่วนกว่า 2 หมื่นโครงการ เพิ่มประสิทธิภาพจัดการน้ำ รับมือท่วม-แล้ง ยกระดับคุณภาพชีวิต 3.3 ล้านครัวเรือน
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 4/2568 ซึ่งมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการร่างโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนเป็นกรณีเร่งด่วน และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวม 22,309 รายการ ซึ่งผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะกรรมการลุ่มน้ำ โดยทั้งหมดเป็นโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ภายใน 1 ปี
หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงระบบประปาและมีน้ำสะอาดใช้เพิ่มขึ้น 2.4117 ล้านครัวเรือน พื้นที่เกษตรนอกเขตชลประทานที่เสี่ยงภัยแล้ง 22.36 ล้านไร่ จะได้รับการพัฒนาระบบน้ำ 2.3 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 9.08 ส่วนพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก 13.25 ล้านไร่ จะได้รับการแก้ไข 0.36 ล้านไร่ หรือร้อยละ 4.74 ของพื้นที่ รวมถึงช่วยลดการชะล้างพังทลายของดินได้ 0.18 ล้านไร่ ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานกระจายทั่วประเทศราว 250,000 คนต่อเดือน ครัวเรือนได้รับประโยชน์รวม 3.374 ล้านครัวเรือน และก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมคิดเป็นมูลค่ากว่า 124,648 ล้านบาท โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2569 อย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินงาน และเพิ่มกรอบวงเงินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นโครงการสำคัญรองรับการขยายตัวและความต้องการใช้น้ำในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยขยายระยะเวลาดำเนินการจาก 4 ปี (ปีงบประมาณ 2565–2568) เป็น 6 ปี (2565–2570) และเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณจาก 3,651.62 ล้านบาท เป็น 4,291.62 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการตามแผน
ด้านการบริหารจัดการน้ำตามกฎหมาย ที่ประชุมเห็นชอบการขออนุญาตใช้น้ำประเภทที่สามตาม พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 สำหรับการใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะในกิจการขนาดใหญ่ โดยอนุมัติคำขอจากกรมทรัพยากรน้ำ 4 คำขอ และกรมชลประทาน 1 คำขอ ซึ่ง สทนช. ได้กลั่นกรองตรวจสอบแล้วว่าครบถ้วนและเป็นไปตามเกณฑ์กฎหมาย พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการติดตามกำกับการใช้น้ำอย่างใกล้ชิด
ศ.ดร.นฤมล ยังเปิดเผยว่า ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน ณ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหามลพิษจากสารหนูและสารตะกั่วในแม่น้ำกก อันเป็นผลกระทบจากการทำเหมืองทองฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจต้องอาศัยกลไกระหว่างประเทศ เช่น คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) และกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (LMC) เข้ามาสนับสนุน
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน บ่อน้ำ และแหล่งกักเก็บน้ำ ให้สามารถรองรับน้ำฝนได้เพียงพอในฤดูฝนนี้ และเตรียมพร้อมรับมือฤดูแล้งถัดไป เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและพื้นที่เศรษฐกิจทั่วประเทศ. -512 – สำนักข่าวไทย