กรุงเทพฯ 20 พ.ค. – ไทยมีโอกาสส่งออกเนื้อไก่เพิ่ม หลังจีนและสหภาพยุโรประงับนำเข้าสินค้าจากบราซิล เหตุพบการระบาดของไข้หวัดนกรุนแรงในฟาร์ม ขณะกรมปศุสัตว์ย้ำระบบป้องกันโรคของไทยเข้มงวด ป้องกันการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่บราซิล ซึ่งเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ที่สุดของโลก พบการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรง (HPAI) ในฟาร์มแห่งหนึ่ง และได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้จีนและสหภาพยุโรป (EU) สั่งระงับการนำเข้าเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์จากบราซิลเป็นการชั่วคราว
ข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกเนื้อสัตว์ของบราซิล ระบุว่า จีนและ EU นำเข้าเนื้อไก่จากบราซิลรวมกันกว่า 793,000 ตัน ในปีที่ผ่านมา คิดเป็นเกือบ 15% ของการส่งออกทั้งหมด สถานการณ์นี้จึงอาจเปิดโอกาสให้ไทยขยายตลาดรองรับคำสั่งซื้อใหม่ ด้วยจุดแข็งด้านระบบสุขอนามัยสัตว์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล


อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ประเทศไทยเคยพบโรคไข้หวัดนกเพียงครั้งเดียวเมื่อกว่า 10 ปีก่อน และไม่พบการระบาดซ้ำตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา เนื่องจากกรมปศุสัตว์ได้วางระบบป้องกันที่เข้มงวด ครอบคลุมทั้งการผลิต การควบคุมโรค และการเฝ้าระวังเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง สำหรับแนวทางป้องกันโรคในฟาร์มสัตว์ปีกของไทย มี 5 มาตรการสำคัญ ได้แก่
- ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) เช่น การจำกัดการเข้าออกฟาร์มอย่างเข้มงวด การฆ่าเชื้ออุปกรณ์ และการจัดการซากสัตว์อย่างถูกสุขลักษณะ
- ระบบคอมพาร์ทเม้นท์ หรือการเลี้ยงสัตว์ปีกระบบฟาร์มปิดตามมาตรฐานสากล ครอบคลุมตั้งแต่โรงงานอาหารสัตว์ถึงโรงงานแปรรูป
- การเฝ้าระวังสุขภาพสัตว์ ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ พร้อมส่งเสริมการอบรมเกษตรกร
- การควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ โดยระงับการนำเข้าจากประเทศที่มีการระบาด
- การทำลายสัตว์ปีกในพื้นที่เสี่ยง หากพบอาการป่วยหรือตายผิดปกติ
“การควบคุมโรคในสัตว์ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health) เพื่อคงสถานะปลอดโรคของไทย และรักษาความเชื่อมั่นจากคู่ค้าทั่วโลก” อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าว
ทั้งนี้ หากเกษตรกรพบสัตว์ป่วยหรือตายผิดปกติ สามารถแจ้งสำนักงานปศุสัตว์ในพื้นที่ หรือติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน DLD 4.0 และสายด่วน 063-225-6888 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับคำปรึกษาและการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที.-512-สำนักข่าวไทย