ตราด 14 มี.ค. – รมว. เกษตรฯ เผย ประสานอีก 4 กระทรวงดำเนินมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ชี้ผลผลิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจึงต้องวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาล้นตลาด ราคาตกต่ำ โดยกระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญต่อการผลิตให้มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และได้มาตรฐานการส่งออก
ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินมาตรการบริหารจัดการผลไม้ในปี 2568 ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากผลผลิตมีแนวโน้มผลผลิตเพิ่มขึ้นในปีนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ
สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญต่อการดูแลคุณภาพผลไม้ไทยให้มีมาตรฐานความปลอดภัยและมาตรฐานการส่งออก ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมการตลาดการบริโภคภายในประเทศ กระทรวงคมนาคมเตรียมพร้อมด้านระบบขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพคล่องตัวมากขึ้น และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่กำกับดูแลโปรษณีย์ไทยทำโครงการช่วยส่งผลไม้จากสวนไปยังผู้บริโภคโดยตรง นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่นๆ ร่วมสนับสนุนด้วย


สำหรับปัญหาการปนเปื้อน Basic Yellow 2 (BY2) และแคดเมียมในทุเรียนไทยนั้น กระทรวงเกษตรฯ ไม่นิ่งนอนใจ เราได้เพิ่มมาตรการเข้มข้น และได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรและสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กำกับติดตามควบคุมมาตรฐานสินค้าผักและผลไม้ในโรงคัดบรรจุอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น ยังได้ประสานไปยังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมให้มีการขยายตลาดไปยังประเทศอื่น โดยแปรรูปจากทุเรียนผลสด เพื่อให้มีตลาดรองรับมากยิ่งขึ้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรที่จังหวัดตราด โดยพบว่า ทุเรียนมีพื้นที่เพาะปลูก 126,718 ไร่ คาดการณ์ว่า ผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดมากสุดในเดือนเมษายน 2568 จำนวนผลผลิต 132,237 ตัน ส่วนเงาะมีพื้นที่เพาะปลูก 47,190 ไร่ คาดการณ์ว่า ผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดมากสุดในเดือนพฤษภาคม 2568 จำนวนผลผลิต 107,490 ตัน ขณะที่มังคุดมีพื้นที่เพาะปลูก 39,701 ไร่ คาดการณ์ว่า ผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดมากสุดในเดือนพฤษภาคม 2568 จำนวนผลผลิต 50,261 ตัน
ศ.ดร.นฤมลกล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดตราดเป็นพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกไม้ผลและยางพาราที่สำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องใช้น้ำสำหรับการเพาะปลูกปริมาณมาก เกษตรกร ดังนั้นเกษตรกรจึงมีความต้องการใช้น้ำเพื่อให้เพียงพอต่อการเพาะปลูด จึงได้มอบหมายให้กรมชลประทาน เร่งดำเนินการโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ อาทิ การกระจายน้ำ ท่อต่อขยายระบบ ส่งน้ำ และการก่อสร้างสถานีสูบน้ำ ซึ่งโครงการดังกล่าวถูกบรรจุอยู่ในแผนเพื่อเสนอของบกลางแล้ว แต่อย่างไรก็ตามหากมีงบเหลือจ่ายปีนี้เพียงพอ ได้กำชับให้กรมชลประทานจัดสรรงบเพื่อดำเนินการโครงการเร่งด่วนก่อน เพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องจังหวัดตราดโดยเร็วที่สุด
สำหรับหนึ่งในโครงการสำคัญ คือ โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำวัดเทพนิมิต-บ้านมุมสงบ ตำบลเทพนิมิต อำเภอเขาสมิง ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับภาคเกษตรและการอุปโภคบริโภค รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการสูบน้ำจากแม่น้ำเขาสมิงไปยังอ่างเก็บน้ำวังสมโภชน์ โดยมีแผนการก่อสร้างในปี 2570 เมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ประมาณ 4.1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี สามารถสนับสนุนการเพาะปลูกในพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรมสำคัญของจังหวัดตราด
ในโอกาสนี้ศ.ดร. นฤมล พร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะด้านการเกษตร เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน พร้อมมอบปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ด้วย
นอกจากนี้ ยังได้มอบป้ายและปัจจัยการผลิตด้านการเกษตรให้กับเกษตรกรในพื้นที่ อาทิ มอบโฉนดเพื่อการเกษตร 50 ราย มอบป้ายโครงการบริหารจัดการดินและน้ำทั้งบนดินและใต้ดินในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตของเกษตรกร มอบป้ายโครงการก่อสร้างแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน ขนาด 1,260 ลบ.ม. มอบใบรับรอง GAP พืช 10 ราย มอบเงินอุดหนุนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ตลอดจน มอบผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีของกรมพัฒนาที่ดิน พันธุ์สัตว์น้ำและถุงยังชีพปศุสัตว์ เป็นต้น. 512 – สำนักข่าวไทย