กรุงเทพฯ 1 มี.ค.-“รัฐมนตรีนฤมล” เผยข่าวดี กรมปศุสัตว์เจรจาอินโดนีเซียเปิดตลาดส่งออกไก่พื้นเมืองมีชีวิต คาดจะส่งออกครั้งแรกได้ในเดือนเมษายนนี้ ส่วนผลการหารือกับรัฐมนตรีเกษตรฯ ฟิลิปปินส์ ฝ่ายฟิลิปปินส์กำลังพิจารณาเรื่องการนำเข้า “เนื้อสัตว์ปีก-ลำไยสด” เพิ่มเติมจาก“ข้าว-เนื้อสุกร”
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า มอบหมายให้นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์เดินทางไปหารือกับ Dr.drh. Agung Suganda อธิบดีกรมปศุสัตว์และบริการสุขภาพสัตว์แห่งอินโดนีเซีย (DGLASH) ณ กระทรวงเกษตร กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ ในด้านอุตสาหกรรมการผลิตปศุสัตว์และด้านวิชาการในการควบคุมป้องกันโรคระบาดสัตว์
ทั้งนี้นายสัตวแพทย์สมชวนได้หารือประเด็นความก้าวหน้าในการขอเปิดตลาดส่งออกไก่พื้นเมือง (Ayam Bangkok) มายังอินโดนีเซียซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบต่อร่างเอกสารรับรองสุขภาพสัตว์ (Veterinary Health Certificate; VHC) ตามที่ฝ่าย DGLASH เสนอมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้อธิบดีกรมปศุสัตว์จึงได้ส่งมอบเอกสารเห็นชอบต่อร่างฯ VHC ดังกล่าวให้อธิบดีกรมปศุสัตว์และบริการสุขภาพสัตว์แห่งอินโดนีเซียโดยตรง โดยฝ่าย DGLASH จะรีบออกประกาศขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการส่งออกไก่พื้นเมืองของไทยโดยเร็วและหลังจากประกาศฯ แล้ว ประเทศไทยจะสามารถส่งออกไก่พื้นเมือง (Ayam Bangkok) ไปยังอินโดนีเซียได้ในทันที คาดว่า จะส่งออกครั้งแรกได้ภายในเดือนเมษายนนี้
ผลการเจรจาดังกล่าว จะเป็นการเสริมสร้างโอกาสให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่พื้นเมืองของไทย ในการเพิ่มรายได้จากการเลี้ยงไก่พื้นเมืองและพัฒนาการเลี้ยงไก่พื้นเมืองของไทยให้เป็น soft power ที่จะสร้างรายได้และชื่อเสียงต่อประเทศไทยต่อไป ประมาณการว่า ในช่วงปีแรกจะมีปริมาณการส่งออกไก่พื้นเมืองมีชีวิตไปอินโดนีเซียปีละไม่ต่ำกว่าจำนวน 12,000 ตัว คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ DGLAHS ยังได้แสดงความสนใจในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับความร่วมมือด้านแนวทางการจัดทำพื้นที่เขตปลอดโรค (Compartmentalization) โดยเฉพาะโรคปากและเท้าเปื่อย (Foot and Mouth disease) รวมถึงความรู้ทางวิชาการด้านการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ซึ่งต้องการเรียนรู้จากประสบการณ์ของไทย ตลอดจนอินโดนีเซียยังมีความต้องการสินค้ากลุ่มโคเนื้อและโคนมอีกมาก โดยยินดีต้อนรับกลุ่มนักลงทุนไทยที่สนใจในเรื่องนี้
ข้อมูลในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปยังอินโดนีเซียมูลค่า 4,600 ล้านบาท โดยสินค้าหลักที่ส่งออกได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ศ.ดร. นฤมลกล่าวเพิ่มเติมว่า ได้หารือกับ H.E. Francisco P. Tiu Laurel, Jr. Secretary of the Department of Agriculture รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบให้เร่งรัดการปรับแก้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือด้านการเกษตรให้สอดคล้องกับความต้องการของทั้งสองประเทศ และเทคโนโลยีการเกษตรในปัจจุบัน รวมทั้งเร่งรัดการปรับแก้ข้อตกลงระหว่างกรมประมงแห่งประเทศไทย และกรมประมงและทรัพยากรสัตว์น้ำแห่งฟิลิปปินส์ เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU)
ไทยต้องการเปิดตลาดสินค้าเกษตรคือ เนื้อสัตว์ปีกและผลลำไยสดไปยังฟิลิปปินส์ สินค้าทั้ง 2 ชนิดอยู่ระหว่างการพิจารณาจากหน่วยงานของทางฟิลิปปินส์ โดยฟิลิปปินส์มีการติดตามความคืบหน้าเพื่อให้ไทยสามารถขยายตลาดสินค้าเกษตรไปได้มากขึ้น รวมทั้งแสดงความสนใจนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของประชากรของฟิลิปปินส์ที่กำลังเติบโต โดยสินค้าที่ฝ่ายฟิลิปปินส์ให้ความสนใจจะนำเข้า ได้แก่ ข้าว และเนื้อสุกร”
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรอันดับที่ 15 ของไทย ในระหว่างปี 2565-2567 มีสัดส่วนการค้าสินค้าเกษตร คิดเป็นร้อยละ 1.87 ของมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรของไทยกับโลก โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. น้ำตาล 2. ข้าว 3. อาหารสุนัขหรือแมว 4. ซอสและเครื่องปรุงรส และ 5. สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง.-512.-สำนักข่าวไทย