จ่อทบทวนประกาศเรื่องหลักเกณฑ์การนำหมูลงเลี้ยงใหม่ หวั่นกระทบรายย่อย

กรุงเทพฯ 10 ก.พ. – กรมปศุสัตว์ แจงพร้อมทบทวน ประกาศกรมปศุสัตว์ เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การนำสุกร หรือหมูป่า เข้ามาเลี้ยงใหม่ พ.ศ.2567 ย้ำหลักการป้องกันและควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริการในสุกร แต่หวั่นข้อกำหนดบางประการอาจกระทบเกษตรกรรายย่อย โดยเฉพาะชนเผ่าในพื้นที่สูงที่เลี้ยงสุกรไว้หลังบ้าน เตรียมหามาตรการยกระดับการเลี้ยงเกษตรกรรายย่อยให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาด


นายสัตวแพทย์บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวทางโซเชียลมีเดียถึงข้อกังวลต่อประกาศของกรมปศุสัตว์ เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การนำสุกร หรือหมูป่า เข้ามาเลี้ยงใหม่ พ.ศ. 2567 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน 2568 ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย โดยเฉพาะผู้เลี้ยงสุกรหลังบ้านของชนเผ่าในพื้นที่สูงนั้น กรมปศุสัตว์พิจารณาแล้วเนื่องจากสาระสำคัญในบางประเด็นของประกาศดังกล่าว อาจจะมีความไม่ชัดเจน กรมปศุสัตว์จึงพร้อมนำมาพิจารณาทบทวนร่วมกับผู้แทนเกษตรกรรายย่อย รวมถึงคณะทำงานด้านวิชาการในการป้องกัน ควบคุม และกำจัดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจนภาคเกษตรกร ภาคเอกชน และภาคการศึกษาเพื่อกำหนดมาตรการในการเลี้ยงสุกรให้มีประสิทธิภาพและสามารถป้องกันโรคได้ ตลอดจนสอดคล้องกับการประกอบอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทุกระดับต่อไป

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน “กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานสินค้าการเกษตรสำหรับการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มสุกรเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. 2566” ได้ถูกประกาศและนำมาบังคับใช้แล้วในฟาร์มสุกรเชิงพาณิชย์ที่เลี้ยงสุกรขุน ตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป หรือเลี้ยงสุกรแม่พันธุ์ ตั้งแต่ 95 ตัวขึ้นไป ซึ่งมีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (biosecurity) ในการเลี้ยงและการจัดการฟาร์มเพื่อให้เนื้อสุกรมีมาตรฐาน ปลอดโรคและปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยผู้ประกอบการต้องได้รับการรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านปศุสัตว์ (Good Agricultural Practice: GAP) ด้วย


สำหรับเกษตรกรรายย่อยและผู้เลี้ยงสุกรหลังบ้านนั้น ในช่วงที่ผ่านมาได้รับความเสียหายจากการเกิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และโรคระบาดอื่นๆในสุกร เป็นเหตุให้เกษตรกรรายย่อยเลิกเลี้ยงจำนวนมาก กรมปศุสัตว์จึงมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับการป้องกันควบคุมโรค เนื่องจากโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเป็นโรคติดต่อในสุกรที่มีความรุนแรง มีอัตราการป่วยและตายสูง ไม่มีทางรักษาและยังไม่มีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันโรค ซึ่งการยกระดับการป้องกันควบคุมโรคในการเลี้ยงของเกษตรกรรายย่อยจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคระบาด สามารถเพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ และมีอาชีพที่มั่นคงต่อไป

ทั้งนี้ หากเกษตรกรหรือประชาชนทั่วไปต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือมีข้อเสนอแนะสามารถแจ้งได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านทางแอพพลิเคชั่น DLD 4.0 ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จาก app store และ google play store ทั้งในระบบ iOS และ android. -512 – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

“อ.แจ็คพันศพ” ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะเผาศพ

“อาจารย์แจ็คพันศพ” สัปเหร่อและหมอผีชื่อดัง จ.บุรีรัมย์ ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะวางดอกไม้จันทน์เผาศพ ไฟลวกทั่วร่างกาย ต้องหามส่งโรงพยาบาล  เจ้าตัวงง! เผาศพมาเป็นพัน ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ข่าวแนะนำ

ตำรวจเร่งกวาดล้างแก๊งไทใหญ่ 999

กรณีแก๊งไทใหญ่ 999 ไล่ฟันหนุ่มกะเหรี่ยง ย่านห้วยขวาง ตำรวจยอมรับมีกลุ่มต่างด้าวกระทบกระทั่งกันในพื้นที่ เร่งพิสูจน์รวมแก๊งลักษณะอั้งยี่-ซ่องโจร หรือไม่ พร้อมลั่นดำเนินคดีไม่ละเว้น

ผู้การอยุธยา สั่งสอบ ตร. เก็บส่วยร้านอาหาร

แฉคลิปเสียงชายอ้างเป็นตำรวจ เรียกเก็บเงินรายเดือนจากร้านอาหาร พอปฏิเสธถูกลงตรวจถี่ยิบ ล่าสุด ผู้การฯ อยุธยา สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงด่วน

ปิด “จุดชมวิวภูชี้ฟ้า” ชั่วคราว เหตุเสียงปืนดังข้ามแดน-กระสุนตกใส่หลังคาบ้าน

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (เตรียมการ) ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ชายแดนไทย-สปป ลาว อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว หลังเกิดเสียงปืนดังข้ามแดน และพบกระสุนตกใส่บ้านเรือนประชาชน

กทม.พาสื่อดูซากตึก สตง. คาดอีก 2-3 วัน ภารกิจเสร็จสิ้น

กทม.พาสื่อลงพื้นที่ดูซากตึก สตง. ขณะนี้เคลียร์ถึงชั้นใต้ดินซึ่งเป็นจุดสุดท้าย คาดภารกิจการค้นหาผู้สูญหายและรื้อซากจะเสร็จสิ้นในอีก 2-3 วัน