กรมอุทยานฯ เร่งจัดหาอาวุธปืนให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

กรุงเทพฯ 24 ม.ค. – กรมอุทยานฯ ลงนามความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศเสริมสร้างสมรรถนะการทำงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในการปกป้องและดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ โดยกรมอุทยานฯ เตรียมขอประมาณจัดซื้ออาวุธปืนประจำกายที่มีประสิทธิภาพให้เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ลาดตระเวน สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศจะผลิตอาวุธปืนที่มีความเหมาะสมต่อภูมิประเทศและภารกิจของกรมอุทยานฯ รวมถึงสนับสนุนการฝึกฝนใช้อาวุธอย่างถูกต้องของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ


นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย พล.อ.พอพล มณีรินทร์ ประธานกรรมการสถาบันเทคโนโลยี, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมความมั่นคงของประเทศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศและการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) กระทรวงกลาโหม โดยมีนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ พลเอก ดร.ชรัติ อุ่มสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เป็นผู้ลงนาม

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มุ่งสร้างความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ ปกป้อง รักษา และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ผ่านกระบวนการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ล่าสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เห็นชอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) กระทรวงกลาโหมเพื่อนำมาสู่การจัดซื้ออาวุธปืนประจำกายให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า


ขณะที่นายอรรถพล กล่าวว่า ในห้วงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา กรมอุทยานฯ ได้มีเหตุปะทะในป่ากับกลุ่มผู้กระทำผิด ซึ่งได้มีการใช้อาวุธสงครามยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ มีเพียงอาวุธชนิดเบา อีกทั้งส่วนใหญ่ยังมีความเก่า ล้าสมัย ชำรุด ใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงไม่สามารถตอบโต้ได้อย่างเท่าเทียม และขาดความยำเกรง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จึงจะของบประมาณเพื่อจัดซื้ออาวุธปืนเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการปกป้องและดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ

ที่ผ่านมากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้พัฒนาระบบการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (Smart Patrol System) ซึ่งเป็นการลาดตระเวนที่มีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยเช่น GPS เครื่องมือสื่อสาร และแอปพลิเคชันบันทึกข้อมูล เพื่อเก็บข้อมูลการกระทำผิดและสถานภาพทรัพยากรในพื้นที่อย่างเป็นระบบ ปัจจุบันมีชุดลาดตระเวน 1,328 ชุด เจ้าหน้าที่ลาดตระเวน 8,663 นาย ครอบคลุมพื้นที่ป่าอนุรักษ์กว่า 70 ล้านไร่ทั่วประเทศ หรือประมาณ 1 แสนตารางกิโลเมตร

หากได้รับการสนับสนุนอาวุธปืนที่มีประสิทธิภาพจะส่งมอบอาวุธปืนไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าในพื้นที่เสี่ยงเพื่อการปฏิบัติงานด้านการป้องกันที่สำคัญต่อการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น. -512 – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก

รวบ “พ.อ.หญิง-แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ตำรวจ ปปป. และ ป.ป.ช. จับ “พ.อ.หญิง” และ “ แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก พบเส้นเงินเชื่อมโยง 10 ล้านบาท

ซบพรรคกล้าธรรม

“เอกราช” จ่อซบ “กล้าธรรม” ยันไม่ถึงขั้นแตกหัก “อนุทิน-ภท.”

“เอกราช” เตรียมย้ายซบ “กล้าธรรม” เพื่อความสบายใจในการทำงาน ยันไม่ถึงขั้นแตกหักกับ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” คาดเตรียมขับออกเร็วๆ นี้ เผยผูกพันกับ “ธรรมนัส ” กว่า 10 ปี

ไฟไหม้ท้ายรถบัสทัศนศึกษา นักเรียน-ครู ปลอดภัย

หวิดเกิดเหตุสลด รถบัสทัศนศึกษากำลังกลับโรงเรียน เกิดไฟไหม้ท้าย โชคดีอพยพทัน นักเรียนชั้น ป.6 ทั้ง 35 คน กับครู 7 คน ปลอดภัย

รวบไรเดอร์-วิน จยย.รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ไรเดอร์ร่วมกับวิน จยย. รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันจนน่วม ตำรวจตามจับได้ 3 คน ยังอ้างรุมทำร้ายโดยไม่รู้ที่มาที่ไป คิดว่าชายต่างชาติทำร้ายคนไทย ทนไม่ได้จึงเข้าช่วย

ข่าวแนะนำ

ย้ายด่วน หัวหน้า อช.หมู่เกาะสิมิลัน เร่งสอบปมขายตั๋วไม่โปร่งใส

อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งย้ายด่วน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน หลัง ป.ป.ช. สุ่มตรวจสอบการจำหน่ายตั๋วที่เกาะสี่และเกาะแปด โดยไม่แจ้งล่วงหน้า พบการจำหน่ายตั๋วส่อไม่โปร่งใส

Trump says administration is looking into Signal, thinks Waltz should not apologize

“ทรัมป์” ชี้แชทรั่วไม่มีข่าวกรองชั้นความลับ

วอชิงตัน 26 มี.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ บอกปัดกรณีแชทรั่วไปถึงนักข่าวว่า ไม่มีข้อมูลข่าวกรองชั้นความลับ และไม่มีใครต้องขอโทษ ขณะที่ สว.เดโมแครตรุมตำหนิผู้ที่เกี่ยวข้องเรียกร้องให้ลาออก นายทรัมป์แสดงความหนุนหลังทีมงานด้านความมั่นคงของเขาด้วยการตอบคำถามสื่อในเรื่องนี้ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า ไม่มีข้อมูลชั้นความลับถูกเปิดเผยในกลุ่มแชทสนทนาแอปพลิเคชัน ซิกนัล (Signal) ของกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ซึ่งนายไมเคิล วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงได้เชิญนักข่าวคนหนึ่งเข้าไปรวมอยู่ด้วยโดยไม่ตั้งใจ นายทรัมป์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องการใช้แอปพลิเคชันสนทนานี้และคิดว่านายวอลซ์ ไม่จำเป็นต้องขอโทษในเรื่องนี้ ขณะที่นายวอลซ์ให้สัมภาษณ์ในรายการของฟ็อกซ์นิวส์ ยืนยันขอเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าอับอาย กลุ่มแชทที่เขาสร้างขึ้นมีรายละเอียดเรื่องแผนการโจมตีเยเมนจริง แต่ยืนกรานว่าไม่มีข้อมูลชั้นความลับ หลังจากนายเจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการข่าวของนิตยสารดิแอตแลนติก (The Atlantic) ออกมาเปิดเผยว่า ถูกรวมอยู่ในกลุ่มแชทเข้ารหัสโดยไม่รู้ตัวเมื่อวันที่ 13 มีนาคม และได้เห็นโพสต์ของนายปีเตอร์ เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมเรื่องแผนการทำสงครามก่อนสหรัฐเปิดฉากโจมตีเยเมนระลอกแรกเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ด้านสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พรรคเดโมแครตพากันตำหนินางทัลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติและนายจอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางหรือซีไอเอ (CIA) ที่ไปให้ปากคำต่อคณะกรรมการข่าวกรองในวุฒิสภาว่า ฉาบฉวย ไร้ความสามารถ และไม่ให้เกียรติคนทำงานข่าวกรอง นางแกบบาร์ดและนายแรตคลิฟฟ์อยู่ในกลุ่มสนทนาในแอปฯ ซิกนัลที่มีข่าวรั่วในครั้งนี้ […]

โหวตไว้วางใจ

นายกฯ โพสต์ขอบคุณหลังสภาผ่านฉลุยไว้วางใจ

นายกฯ โพสต์ขอบคุณหลังสภาผ่านฉลุยไว้วางใจ ยัน ชี้แจงทุกประเด็น ลั่น ทั้งเสียงหนุน-เสียงไม่ไว้วางใจ จะเป็นพลังให้มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน

ผ่านฉลุย! สภาโหวตไว้วางใจ “นายกฯ แพทองธาร” 319 เสียง

สภาโหวตไว้วางใจ “แพทองธาร” นั่งนายกฯ ต่อฉลุย 4 สส.ปชป.งดออกเสียง และไร้เงา “รตอ.เฉลิม” แต่ได้แถมเสียงงูเห่ามา 7 เสียงจากไทยสร้างไทย-พปชร.และ “ปูอัด” ขณะที่นายกฯ ไหว้ขอบคุณ สส. หลังโหวต