บริหารน้ำยุคใหม่รับ Climate Change

กรุงเทพฯ 12 พ.ย. – กรมชลประทานถอดบทเรียนสถานการณ์น้ำ จัดเสวนา “สรุปการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 2567 และเตรียมความพร้อมสู่ฤดูแล้งปี 2567/2568” ชี้การบริหารจัดการน้ำยุคใหม่ต้องรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


การเสวนาครั้งนี้มีนายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ปัจจุบันคาบของปรากฏการณ์เอนโซสั้นขึ้น ปี 2567 เกิดทั้งเอลนีโญและลานีญาทั้งแล้งและฝนมากในปีเดียวกัน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาพยายามจะคาดการณ์และพยากรณ์อากาศด้วยการนำปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาวิเคราะห์ด้วยเพื่อให้เกิดความแม่นยำและให้หน่วยงานบริหารจัดการน้ำนำไปใช้กำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำ

นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สิ้นสุดการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนของปี 2567 (1 พ.ค.-30 ต.ค.67) แล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพ มีการติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำท่า เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ควบคู่ไปกับการเก็บกัก เพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งนี้ได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้เมื่อสิ้นสุดฤดูฝน ณ วันที่ 1 พ.ย.67 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 63,348 ล้าน ลบ.ม. (83% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 39,405 ล้าน ลบ.ม. มากกว่าปีที่ผ่านมา 2,511 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 21,688 ล้าน ลบ.ม. (87% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 14,992 ล้าน ลบ.ม. มากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 3,907 ล้าน ลบ.ม. ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ดี


ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 11พ.ย.67) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 63,606 ล้าน ลบ.ม. (83% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 39,663 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 21,933 ล้าน ลบ.ม. (88% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 15,237 ล้าน ลบ.ม.

กรมชลประทาน ได้วางแผนจัดสรรน้ำฤดูแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พ.ย.67-30 เม.ย.68 ตามปริมาณน้ำต้นทุน 44,250 ล้าน ลบ.ม. เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในทุกกิจกรรมตามลำดับความสำคัญ แบ่งเป็นน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ การเกษตร อุตสหกรรม และอื่นๆ รวมทั้งประเทศประมาณ 29,170 ล้าน ลบ.ม. และสำรองไว้ใช้ต้นฤดูฝนหน้า (พ.ค.-ส.ค.68) อีกประมาณ 15,080 ล้าน ลบ.ม. จนถึงขณะนี้ทั้งประเทศมีการจัดสรรน้ำไปแล้ว 909 ล้าน ลบ.ม.(4% จากแผนฯ) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยาจัดสรรน้ำไปแล้ว 147 ล้าน ลบ.ม. (2% จากแผนจัดสรรน้ำรวม 9,000 ล้าน ลบ.ม.)

ด้านผลการเพาะปลูกพืชทั้งประเทศ ปัจจุบันมีการเพาะปลูกไปแล้วรวม 2.7 แสนไร่ (3% จากแผนที่กำหนดไว้ 10.02 ล้านไร่) เฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยามีการเพาะปลูกแล้ว 2.4 แสนไร่ (4% จากแผนที่กำหนดไว้ 6.47 ล้านไร่) ซึ่งเป็นไปตามแผนที่กำหนด


สำหรับพื้นที่ภาคใต้ที่อยู่ในช่วงฤดูฝน กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยมีการวางแผนจุดเสี่ยง/จุดเฝ้าระวัง ในพื้นที่ภาคใต้รวม 122 แห่ง และได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมเครื่องจักร-เครื่องมือในภาคใต้รวม 575 หน่วย แบ่งเป็น เครื่องสูบน้ำ 120 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 108 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 11 คัน และเครื่องจักรอื่นๆ อีกกว่า 336 หน่วย เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมเป็นประจำ ให้สามารถนำไปใช้งานได้ทันทีเมื่อเกิดสถานการณ์ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

สำหรับแนวทางบริหารจัดการในยุคปัจจุบันต้องรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยเช่น ในฤดูฝนที่ผ่านมา ฝนตกกระจุกในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน กรมชลประทานจึงติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สามารถรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการรองรับฤดูแล้งปี 2567/68 ที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เห็นชอบ ด้วยการคาดการณ์และป้องกันพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ วางแผนจัดสรรน้ำและกำหนดพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง พร้อมบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญ การใช้น้ำตามที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำเพื่อลดการสูญเสียน้ำในทุกภาคส่วน รวมไปถึงการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำตลอดในช่วงฤดูแล้ง เสริมความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการน้ำให้ชุมชน ตลอดจนประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง.-512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”

วางระเบิด 4 ลูก เกาะกลางถนนหน้าโรงเรียน จ.นราธิวาส

เช้ามืดวันนี้ (21 พ.ย.) เกิดระเบิดขึ้นอีก 4 ลูก บริเวณเกาะกลางถนนหน้าโรงเรียนบ้านฮูแตทูวอ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน