กรุงเทพฯ 6 ต.ค. – กรมชลประทาน เผยปริมาณน้ำสูงสุดของแม่น้ำเจ้าพระยาผ่าน จ.นครสวรรค์ ไปแล้ว ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง จะคงการระบายที่เขื่อนเจ้าพระยาไม่เกิน 2,200 ลบ.ม./วินาที ช่วงปลายฤดูฝนต่อฤดูหนาว สภาพอากาศแปรปรวน ยังมีฝนบ้างในภาคกลาง จึงยังต้องเฝ้าระวัง แต่หากไม่มีฝนมาเติม สถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างจะคลี่คลายตามลำดับ
นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทานกล่าวว่า ปริมาณน้ำสูงสุดของแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านจังหวัดนครสวรรค์ไปแล้ว โดยวันนี้ (9 ตุลาคม 2567) ที่สถานี C.2 น้ำไหลผ่านอัตรา 2,318 ลบ.ม./วินาที จากเมื่อวานนี้ 2,326 ลบ.ม./วินาที น้ำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาคงอัตราการระบายไม่เกิน 2,200 ลบ.ม./วินาทีต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในลุ่มน้ำปิง ท้ายเขื่อนภูมิพล ตั้งแต่จังหวัดกำแพงเพชรลงมายังมีฝน เช่นเดียวกับลุ่มน้ำสะแกกรังที่จังหวัดอุทัยธานีจึงยังต้องเฝ้าระวังต่อเนื่องเพราะช่วงปลายฤดูฝนที่เตรียมจะเข้าสู่ฤดูหนาว สภาพอากาศแปรปรวนยังมีฝนตกบริเวณภาคกลาง แต่หากฝนที่ตกลงมาไม่ได้สะสมจนทำให้น้ำท่ามีระดับสูงขึ้นฉับพลัน คาดว่า จะคงการระบายที่เขื่อนเจ้าพระยาในอัตรานี้ไว้ได้
ขณะเดียวกันในลุ่มน้ำป่าสัก ยังมีฝนตกบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นต้นน้ำ แต่กรมชลประทานลดการระบายท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยวันนี้ลดจาก 100 ลบ.ม./วินาทีเหลือ 50 ลบ.ม./วินาที ในวันพรุ่งนี้ (10 ตุลาคม 2567) จะปรับลดการระบายน้ำอีกครั้งเหลืออัตรา 10 ลบ.ม./วินาทีเพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงไปสมทบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หวังบรรเทาผลกระทบจากภาวะน้ำทะเลหนุนสูงที่อาจกระทบต่อพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาลงไป โดยภาวะน้ำทะเลหนุนสูงจะเกิดขึ้นช่วงวันที่ 13 – 24 ตุลาคมนี้
นายธเนศร์ย้ำว่า หากไม่มีปริมาณฝนมาเพิ่ม สถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างจะค่อยๆ ดีขึ้นและคลี่คลายตามลำดับ. 512 – สำนักข่าวไทย