เตรียมแผนกระจายลำไย เหตุจีนลดการบริโภคชนิดอบแห้ง

กรุงเทพฯ 8 พ.ค.- กรมส่งเสริมสหกรณ์เตรียมแผนกระจายลำไยสดปีการผลิต 2567 เพื่อบรรเทาผลกระทบให้สมาชิกสหกรณ์และสร้างเสถียรภาพปริมาณและราคา สาเหตุจากจีนซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าลำไยอบแห้งจำนวนมาก ปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริโภคเป็นลำไยสดมากขึ้น จึงตั้งปรับแนวทางการกระจายผลผลิตให้เหมาะสม พร้อมสนับสนุนให้สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการรวบรวมและกระจายลำไย


นายนิรันดร์ มูลธิดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นประธานการประชุมหารือการบริหารจัดการสินค้าลำไยในสถาบันเกษตรกร โดยระบุว่า จะต้องปรับแผนการกระจายลำไยสดภายในประเทศ สาเหตุจากจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่สุดที่เคยรับซื้อผลผลิตลำไยอบแห้งเป็นจำนวนมาก ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภค จากเดิมที่เคยบริโภคลำไยอบแห้งมาเป็นการบริโภคลำไยสดมากขึ้น ประกอบกับการขนส่งในปัจจุบันใช้ระยะเวลาลดลงจึงทำให้ผู้บริโภคในประเทศจีนสามารถทานลำไยสดทดแทนได้ ส่งผลให้การส่งออกลำไยอบแห้งจากไทยมีปริมาณน้อยลง

ทั้งนี้ลำไยฤดูกาลผลิต ปี 2567 จะออกในเดือนมิถุนายน – กันยายนและจะมีผลผลิตออกมาสู่ตลาดมากในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ คาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีผลผลิตลำไยสดเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 10% ผลผลิตลำไยที่กำลังจะมีในฤดูกาลนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ จำนวนผลผลิต 70 – 80% อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน


กรมส่งเสริมสหกรณ์สนับสนุนให้สหกรณ์การเกษตรเข้าร่วมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการตลาดสินค้าลำไย โดยมีเป้าหมายกระจายลำไยสดไปทั่วภายในประเทศประมาณ 70,000 ตัน โดยใช้แนวทางสนับสนุนค่าบริหารจัดการลำไยให้กับสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการในการกระจายลำไยอยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาทและสนับสนุนเงินทุนกองทุนพัฒนาสหกรณ์ในการรวบรวมผลผลิตลำไยซึ่งอาจเป็นการชดเชยดอกเบี้ยให้สหกรณ์ร้อยละ 1 มีเป้าหมายเบื้องต้นคือ สหกรณ์ผู้ผลิตลำไย 20 แห่ง 6 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง ลำพูน เชียงราย และน่าน

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงการดำเนินงานตามมติคณะทำงานพัฒนาตลาดและการตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ลำไย โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์อยู่ระหว่างการนำเสนอโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ด้านการตลาดสินค้าลำไยในสถาบันเกษตรกร ฤดูกาลผลิตปี 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาผลกระทบให้แก่สมาชิกสหกรณ์ รวมถึงสร้างเสถียรภาพปริมาณและราคา พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนการบริโภคลำไยสดภายในประเทศและประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ รวมถึงมาตรการส่งเสริมการรวบรวมเพื่อการแปรรูป ตลอดจนเพื่อพัฒนาผลผลิตลำไยของประเทศไทยให้มีคุณภาพสูงขึ้นอีกด้วย. 512 – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”