กรุงเทพฯ 5 พ.ค.- กรมชลประทานระบุ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีน้ำเหลือ 14% เหตุไม่มีน้ำไหลเข้าตั้งแต่เข้าฤดูแล้ง ส่วนการระบายเพื่อเจือจางค่าความเค็ม เป็นเพียงช่วงสั้นๆ และปริมาณไม่มาก ยืนยันเพียงพอสำหรับจัดสรรเพื่ออุปโภคบริโภคตลอดฤดูฝน 67 อย่างแน่นอน ส่วนค่าความเค็มที่จุดสูบน้ำดิบสำแล ไม่เกินมาตรฐานการผลิตประปาแล้ว
นายธเนศ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทานกล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มี 135 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 14 ของความจุ โดยระบายน้ำเพื่อในอัตรา 40 ลบ.ม./วินาทีหรือวันละ 3.5 ล้านลบ.ม. โดยปรับเพิ่มจากช่วงก่อนหน้าเล็กน้อยเพื่อส่งไปเจือจางค่าความเค็มในห้วงน้ำทะเลหนุนสูงตั้งแต่วันที่ 8 – 11 พฤษภาคม
ทั้งนี้ยืนยันว่า การใช้จากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพื่อเจือจางค่าความเค็มจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เช่นเดียวกับที่ระบายไปไล่น้ำเค็มที่จังหวัดฉะเชิงเทราและสมุทรปราการซึ่งตอนนั้นใช้น้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพียง 5 วันประมาณ 5 ล้านลบ.ม.
ปีนี้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีน้ำน้อยเนื่องจากตั้งแต่เข้าสู่ฤดูแล้ง ไม่มีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ แต่ยืนยันว่า วางแผนบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอตลอดฤดูฝนปี 2567
ส่วนสถานการณ์ค่าความเค็มบริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานีที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำทะเลหนุนสูงช่วง 25-30 เมษายนทำให้เกินมาตรฐานที่ 0.50 กรัมต่อลิตรบางช่วงเวลา ขณะนี้คลี่คลายแล้ว โดยเวลา 06.00 น. วันนี้ (5 พฤษภาคม) 0.27 กรัมต่อลิตร ลดลงจากวานนี้ซึ่งอยู่ที่ 0.36 กรัมต่อลิตร ตลอดทั้งวันของเมื่อวานนี้ ค่าความเค็มไม่เกินมาตรฐานเลยและมั่นใจว่า วันนี้จะไม่เกินเช่นกัน
กรมชลประทานยังคงเฝ้าระวังภาวะน้ำทะเลหนุนรอบใหม่ตั้งแต่วันที่ 8 – 11 พฤษภาคม โดยระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยามาแล้ว ควบคู่กับที่ระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อีกเล็กน้อยเพื่อเจือจางค่าความเค็ม ป้องกันผลกระทบต่อรสชาติของน้ำประปาที่การประปานครหลวงใช้น้ำสถานีสูบน้ำดิบสำแลผลิตน้ำประปาส่งเลี้ยงพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ.512 – สำนักข่าวไทย