ระบายน้ำเพิ่ม ไล่น้ำเค็มพื้นที่ “ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ”

ฉะเชิงเทรา 22 เม.ย. – กรมชลประทาน ปรับเพิ่มการระบายน้ำสำหรับเจือจางค่าความเค็มในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราและสมุทรปราการ ล่าสุดพิจารณารับจัดสรรน้ำจากเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก เพื่อไล่น้ำเค็ม พร้อมส่งน้ำอุปโภคบริโภคช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย


นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้ปรับแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเค็มจังหวัดฉะเชิงเทราและสมุทรปราการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ได้ระดมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 26 เครื่องเพื่อสูบน้ำที่มีค่าความเค็มเกินมาตรฐานเพื่อผลักดันออกทะเล พร้อมได้ส่งเรือนวัตกรรมกำจัดวัชพืช 7 ลำเข้าไปกำจัดวัชพืชเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำและรักษาคุณภาพน้ำไม่ให้เน่าเสีย ตลอดจนส่งน้ำอุปโภคบริโภคช่วยเหลือประชาชน 2,320 ครัวเรือนใน 9 หมู่บ้าน รวมปริมาณน้ำที่จัดส่งทั้งสิ้น 990,000 ลิตร

สำหรับแนวทางเพิ่มปริมาณน้ำสำหรับไล่น้ำเค็มเพื่อให้สถานการณ์กลับมาสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุดได้แก่


• เพิ่มน้ำผ่านประตูน้ำพระนารายณ์ ประตูน้ำรังสิต ประตูน้ำพระยาสุเรนทร์ ประตูน้ำลาดกระบังเพื่อเร่งผลักดันน้ำจากตอนบนมาช่วยสนับสนุนผลักดันน้ำเค็ม

• รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่คลองเปรมประชากรและสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ประตูระบายน้ำ (ปตร.) จุฬาลงกรณ์มาสู่คลองรังสิตและเข้าสู่คลอง 3  คลอง 4 และมาผ่านคลองหกวา

• เพิ่มน้ำจากแม่น้ำนครนายกผ่านคลอง 23 25 29 และคลองอื่นๆ โดยพิจารณาเพิ่มปริมาณน้ำจัดสรรจากเขื่อนขุนด่านปราการชล


• เพิ่มปริมาณสูบน้ำจากด้านตะวันตกของประตูกลางคลองประเวศบุรีรมย์ เข้าคลองประเวศบุรีรมย์เพื่อเร่งเจือจางน้ำในคลองชวดพร้าวและคลองสาขาอื่นๆ

• ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งผลักดันน้ำ 5 จุดได้แก่คลองแขวงกลั่น คลองเปร็ง ปตร. สุคันธาวาส ปตร. กาหลง และปตร. ชวดพร้าว

ทั้งนี้สทนช. กำชับหน่วยงานให้การส่งน้ำเป็นไปตามแผนมากที่สุดและต้องสูญเสียน้ำระหว่างทางให้น้อยที่สุดเพื่อใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงที่ยังอยู่ในฤดูแล้งและขณะนี้มีน้ำคงเหลือในแต่ละอ่างในปริมาณที่น้อยอยู่แล้ว

สทนช. ได้ขอให้จังหวัดฉะเชิงเทรา กรมชลประทาน และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระดมกำลังเร่งเก็บซากผักตบชวาที่เน่าเสียในคลอง พร้อมไปกับการเร่งสูบและผลักดันน้ำเค็มออกสู่คลองชายทะเลอีกด้วย

จากผลดำเนินการส่งผลให้ค่าความเค็มมีแนวโน้มลดลง กรมควบคุมมลพิษตรวจวัดคุณภาพน้ำพบว่า ค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว 3 จุดได้แก่ บริเวณปากคลองเจ้าศาลาแดงมีค่าความเค็ม 0.16 กรัมต่อลิตร คลองพระองค์ไชยยานุชิตตัดคลองแสนแสบมีค่าความเค็ม 0.13 กรัมต่อลิตร และสี่แยกคลองพระองค์ไชยยานุชิตตัดคลองประเวศบุรีรมย์มีค่าความเค็ม 0.85 กรัมต่อลิตร โดยค่าออกซิเจนละลายน้ำ (DO) เพิ่มขึ้นด้วย แต่ยังคงมีจุดที่ค่าความเค็มสูงอีกสองแห่ง ได้แก่ คลองพระยาสมุทรและคลองพระยานาคราชซึ่งทุกหน่วยงานจะเร่งแก้ไขโดยเร็ว

สำหรับการเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ มีหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กรมชลประทาน การประปาส่วนภูมิภาค ปภ. นำรถบรรทุกน้ำจืดแจกจ่ายให้ประชาชนรวมกว่า 1 ล้านลิตร ส่งผลให้ประชาชนทั้ง 4 อำเภอใน 2 จังหวัดไม่ได้รับผลกระทบด้านน้ำอุปโภคบริโภค

ส่วนด้านเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้แก่ ปลากะพง ปลาสลิด กุ้งขาว ได้ขอให้กรมประมงเร่งทำแผนกำหนดคุณภาพน้ำให้เหมาะสมกับการประมงในแต่ละคลองเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาปล่อยน้ำจืดเพื่อเจือจางค่าความเค็ม แล้วให้เกษตรกรนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัย

ทั้งนี้สำนักงานเกษตรอำเภอสนับสนุนฟางก้อนเพื่อคลุมโคนต้นพืชเพื่อลดการสูญเสียความชื้นจากหน้าดินร่วมกับการสนับสนุนน้ำจืดให้เกษตรกรเพื่อใช้ในภาคการเกษตร โดยนาข้าวในพื้นที่ส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวแล้วจึงไม่มีพื้นที่นาได้รับความเสียหาย กรมพัฒนาที่ดินให้คำแนะนำแก่หน่วยงานและเกษตรกรให้ช่วยกันเก็บซากพืชและสัตว์ที่เน่าเสียในน้ำเพื่อลดมลพิษทางน้ำและได้นำสารเร่งซุปเปอร์ พด.6 เข้าบำบัดน้ำเสียวันละ 10,000 ลิตรด้วยอีกทางหนึ่ง

สทนช. คาดว่า สภาพน้ำจะกลับคืนสู่ภาวะปกติภายใน 30 วัน ในระยะถัดไปจะยังติดตามประสานงานเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงต้นฤดูฝนที่เกษตรกรจะเริ่มทำนา ที่สำคัญจะฟื้นฟูคุณภาพน้ำให้เหมาะสมก่อนนำน้ำในคลองไปใช้เตรียมแปลง เพื่อเป็นการป้องกันผลผลิตเสียหาย.- 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัยตึก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัย ค้นหาผู้สูญหายเหตุตึก สตง.ถล่ม พร้อมสอบถามถึงอุปสรรคในการทำงานและความต้องการเพิ่มเติม

ปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน

รองผู้ว่าฯ กทม. เผยยอดผู้เสียชีวิตเหตุตึกถล่ม ที่ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว อยู่ที่ 16 ราย และอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 78 ราย พร้อมแจงปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน

นายกฯ วางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ เนื่องในวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์

นายกรัฐมนตรี วางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ พุทธศักราช 2568 ณ ปฐมบรมราชานุสรณ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า