กรุงเทพฯ 18 เม.ย. – รมว. ธรรมนัสเผย Beef Board เตรียมหารือกับสำนักงบประมาณและเสนอครม. เห็นชอบ “โครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ เพื่อเพิ่มรายได้สำหรับเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย” หรือโคเพิ่มรายได้ ของบกลางสนับสนุนค่าจัดซื้อแม่พันธุ์โคให้กับเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย 4,000 ราย ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปีระหว่างปีงบประมาณ 2567 – 2569
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายพัฒนาโคเนื้อ-กระบือ และผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (Beef Board) เห็นชอบ “โครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ เพื่อเพิ่มรายได้สำหรับเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย” หรือโคเพิ่มรายได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสให้เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยได้รับแม่โคเป็นของตนเองและเพิ่มรายได้ รวมทั้งกระตุ้นฟื้นฟูตลาดการซื้อขายโคภายในประเทศ ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ระหว่างปีงบประมาณ 2567 – 2569 เตรียมหารือกับสำนักงบประมาณและเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบในการของบกลางสนับสนุนค่าจัดซื้อแม่พันธุ์โคให้เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย 4,000 ราย
สำหรับการคาดการณ์สถานการณ์การผลิตและการตลาดโคเนื้อ – กระบือของไทยในปี 2567 มีดังนี้
- ด้านการผลิต
- โคเนื้อ คาดการณ์ว่า โคเนื้อมี 9.95 ล้านตัว เกษตรกร 1.44 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีจำนวนโคเนื้อ 9.65 ล้านตัว คิดเป็นร้อยละ 3 ผลผลิตโคเนื้อจะมีจำนวน 1.399 ล้านตัว เพิ่มขึ้นจากปี 2566 คิดเป็นร้อยละ 7.84 เนื่องจากในปี 2566 ประเทศไทยมีการเจรจาเปิดตลาดโคเนื้อมีชีวิตกับหลายประเทศ คาดว่า จะสามารถส่งออกโคเนื้อได้เพิ่มขึ้นในปี 2567 ประกอบกับการท่องเที่ยวภายในประเทศมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกษตรกรเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อรองรับความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- กระบือ คาดการณ์ปี 2567 มีจำนวนกระบือรวมทั้งสิ้น 1.8 ล้านตัว เกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือ 310,836 ราย คาดว่า ผลผลิตกระบือจะมี 418,000 ตัว เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีประมาณ 350,000 ตัวหรือร้อยละ 16.08
2. ด้านการตลาด
- โคเนื้อ ราคาโคเนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ ณ เดือนมีนาคม 2567 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.10 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 86.52 บาท หรือลดลงร้อยละ 9.74
- กระบือ ราคากระบือมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ ณ เดือนมีนาคม 2567 ราคาเฉลี่ย 31,709 บาทต่อตัว ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ราคา 39,679 บาทต่อตัว หรือลดลงร้อยละ 20.09
3. ด้านการส่งออกและนำเข้า
- โคเนื้อ ปี 2567 (ตั้งแต่ ม.ค. – ก.พ.) นำเข้าเนื้อโคสดและเนื้อโคแปรรูป จำนวน 5,130.58 ตัน มูลค่า 1,301.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีจำนวน 4,407.04 ตัน มูลค่า 1,143.81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.42 โดยนำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย มากที่สุด การส่งออกโคมีชีวิต จำนวน 15,326 ตัว มูลค่า 372.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีจำนวน 9,666 ตัว มูลค่า 275.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 58.56 ตลาดคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย ลาว การส่งออกเนื้อโคสดและเนื้อโคแปรรูป จำนวน 98.03 ตัน มูลค่า 15.16 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่มีจำนวน 189.69 ตัน มูลค่า 26.70 ล้านบาท
- กระบือ ผลิตภัณฑ์กระบือปี 2567 (ตั้งแต่ ม.ค. – ก.พ.) มีการนำเข้าหนังกระบือหมักเกลือ จำนวน 348.74 ตัน มูลค่า 6.39 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีการนำเข้าหนังกระบือหมักเกลือ 273.20 ตัน มูลค่า 7.00 ล้านบาท โดยปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.65 แต่มูลค่าลดลงร้อยละ 8.69 ในช่วงเวลาดังกล่าวส่งออกเฉพาะกระบือมีชีวิตจำนวน 5,560 ตัว มูลค่า 100 ล้านบาท ประเทศคู่ค้าที่สำคัญได้แก่ ลาว
ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวย้ำว่า การสนับสนุนการเลี้ยงโคเนื้อและกระบือเป็นอาชีพ รวมถึงการเปิดตลาดส่งออก เป็นไปตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีที่ตระหนักถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายแก้ปัญหาราคาสินค้าปศุสัตว์ตกต่ำ เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบให้กับเกษตรกรและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม จึงได้มอบให้กระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปเจรจากับต่างประเทศเพื่อขยายการส่งออกตลาดโคเนื้อและกระบือ มั่นใจว่า จะทำให้ราคาในประเทศขยับขึ้นได้
ล่าสุดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังเร่งเจรจาผลักดันการค้าระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่น ประเทศจีนซึ่งความคืบหน้าเป็นไปในทิศทางบวก ตลอดจนซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ชนิดสินค้าปศุสัตว์ ได้แก่ โคมีชีวิตและผลิตภัณฑ์ โคขุนและโคเพื่อการทำพันธุ์ เนื้อโค เป็นต้น
นอกจากนี้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาโคเนื้อ – กระบือ และผลิตภัณฑ์แห่งชาติยังมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการการรักษาตลาดการบริโภคเนื้อโค – กระบือ และผลิตภัณฑ์และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต้นทุนการผลิตโคเนื้อ – กระบือ เพื่อจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิต สำหรับประกอบการกำหนดนโยบายด้านโคเนื้อและกระบือของประเทศไทยได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ.-512-สำนักข่าวไทย