กรุงเทพฯ 25 ก.พ.-รมว.เกษตรฯ กำชับเข้มให้เลขาธิการ ส.ป.ก. ตรวจสอบการจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินบริเวณรอยต่อกับป่าอนุรักษ์ หากพบการจัดสรรที่ดินโดยมิชอบ จะดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยจะประชุมมอบนโยบายปฏิรูปที่ดินจังหวัดทั่วประเทศ 27 ก.พ.นี้
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในวันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี จะประชุมปฏิรูปที่ดินจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อมอบนโยบายเกี่ยวกับการดำเนินการบริเวณเขตพื้นที่กันชน (Buffer Zone) ระหว่างเขตปฏิรูปที่ดินกับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ เพื่อให้การดำเนินงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้การบริหารจัดการพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน เหมาะสมตามหลักนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และบริบทความจริงของสังคมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ ได้ลงนามคำสั่งด่วนถึงนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. เกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ตลอดจนสั่งการให้เร่งตรวจสอบการจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินบริเวณพื้นที่ตามแนวเขตปฏิรูปที่ดินที่ติดต่อกับเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และพื้นที่ต่อเนื่อง รวมถึงพื้นที่ปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวเขตกับที่ดินของรัฐทุกประเภท ทั้งในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ หรือหน่วยงานอื่นๆ ว่ามีกรณีจัดที่ดินโดยผิดกฎหมายหรือไม่ หรือจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือยังมีที่ดินที่ยังไม่ได้ดำเนินการจัดให้แก่เกษตรกรแต่อย่างใด หากพบว่าการจัดที่ดินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ดำเนินการตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องโดยเคร่งครัด
ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า พื้นที่กันชน (Buffer Zone) ระหว่างเขตปฏิรูปที่ดินกับป่าอนุรักษ์ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้ ส.ป.ก. จะไม่จัดสรรให้เกษตรกรเข้าทำกิน แต่จะกันไว้จัดทำ “ป่าชุมชน” ในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ ควบคู่กับการรักษาและเพิ่มพื้นที่ป่า
นอกจากนี้ยังเตรียมสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการจัดสรร หรือที่ดินว่างเปล่า เพื่อรองรับเกษตรกรกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มผู้ด้อยโอกาสที่ไม่มีที่ดินทำกิน โดยให้จัดสรรที่ดินให้กับกลุ่มเหล่านี้ตามระเบียบ ส.ป.ก. ต่อไป พร้อมเน้นย้ำให้ยึดถือตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด.-512-สำนักข่าวไทย