กรุงเทพฯ 5 ก.พ. – กระทรวงเกษตรฯ ออกมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม ตรวจสอบเข้มการเข้า-ออกตามคำสั่ง “รมว. ธรรมนัส” โดยเจ้าหน้าที่ต้องคล้องบัตรประจำตัว ส่วนบุคคลภายนอกให้แลกบัตร “รมช. ไชยา” ย้ำไม่มีเอกสารสำคัญใดๆ เก็บไว้ในพื้นที่ถูกไฟไหม้ ห้องทำงานมีแต่พระ กระทรวงเกษตรฯ เป็นวังเก่าเจ้าที่แรง อะไรที่ไม่ดีต้องถูกปัดเป่าออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ชั้น 2 ของอาคารหน้า ปีกซ้ายซึ่งเป็นส่วนทำงานของนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยวันนี้ (5 กุมภาพันธ์) ซึ่งเปิดทำงานวันแรกของสัปดาห์ ข้าราชการทำงานตามปกติ แต่การคุมเข้มการเข้า-ออกกระทรวง โดยให้เข้าได้ทางประตู 1 ฝั่งถนนราชดำเนินและออกทางประตู 3 ฝั่งถนนวิสุทธิกษัตริย์ สำหรับประตู 2 ฝั่งถนนราชดำเนินปิด
เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้คล้องบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ หากไม่มีบัตรประจำตัวต้องแลกบัตรก่อนเข้าภายในกระทรวงทุกครั้ง ส่วนบุคคลภายนอกที่มาติดต่อราชการหรือพ่อค้าแม่ค้าให้แลกบัตรทุกครั้ง
ทั้งนี้เป็นไปตามที่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งการนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้เพื่อให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐาน เมื่อตำรวจเก็บพยานหลักฐานแล้ว วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 จึงเปิดให้ข้าราชการเข้าทำงาน แต่เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยดังกล่าว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
วานนี้ (4 กุมภาพันธ์) นายไชยาและคณะทำงานมาตรวจสอบความเสียหายบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ แต่ไม่สามารถเข้าไปในกระทรวงเกษตรฯ ได้ โดยรปภ. แจ้งว่า ได้รับคำสั่งห้ามทุกคนเข้าภายในกระทรวงอย่างเด็ดขาด เป็นเหตุให้คณะทำงานของนายไชยาแสดงความไม่พอใจ พร้อมกล่าวว่า เกิดอะไรขึ้นในกระทรวงเกษตรฯ ทำไมต้องขนาดนี้ แม้แต่รัฐมนตรีที่เป็นเจ้าของห้อง ยังเข้ามาดูห้องตัวเองที่เกิดเหตุไม่ได้ นายไชยาจึงอยู่ได้เพียงนอกรั้วกระทรวง
นายไชยากล่าวว่า ไม่มีเอกสารอะไรเสียหายเพราะส่วนใหญ่เก็บไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ การไปลือว่า เป็นการเผาทำลายหลักฐาน เผาไปก็ไร้ประโยชน์ ตลอดจนอย่าไปเชื่อมโยงกับประเด็นทางการเมืองที่มีการกล่าวว่า นายศรีสุวรรณ จรรยาและนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋งดอกจิกมาที่กระทรวง แล้วพูดคลุมเครือว่า มาที่ห้องใคร นายเจ๋งไม่ได้มาพบตนแน่นอน อีกทั้งไม่ได้มาหาคณะทำงานของตนด้วย พร้อมท้าให้นำกล้องวงจรปิดมาเปิดเลยว่า ไปพบใครกันแน่ ตนเคยเจอนายเจ๋งข้างนอกบ้าง โดยรู้จักกันจากม็อบเสื้อแดง
ส่วนที่มีคนกล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ครั้งนี้ เกิดจากการที่นายเจ๋งยกพานธูปเทียนแพสาปแช่งหรือไม่ นายไชยากล่าวว่า หากมองในแง่ความเชื่อ “พระพิรุณทรงนาค” ซึ่งเป็นตราประจำกระทรวงจะขจัดปัดเป่าสิ่งร้ายๆ ออกไป ตลอดจนตนเพิ่งนำรูปหล่อพญานาคเข้าไปไว้ในห้องทำงานซึ่งจะมีอิทธิฤทธิ์ในการขจัดสิ่งไม่ดีออกไปจากระทรวงด้วย อีกทั้งกระทรวงเกษตรฯ เป็นวังเก่า เจ้าที่แรง ส่วนในห้องของตนเอง ไม่มีอะไร มีแต่พระ
สำหรับ “นายไชยา พรหมา” เป็นส.ส. จังหวัดหนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย โดยนายไชยาเคยเชิญฤาษีที่รู้จักกันในชื่อ “ปู่ฤาษีเกศแก้ว” มาเจิมเก้าอี้ทำงาน เมื่อรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ จากนั้นเชิญมาอีกครั้ง เมื่อมีกระแสปรับคณะรัฐมนตรี ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ไม่นาน นอกจากนี้ในห้องของคณะทำงานของนายไชยายังมีรูปถ่ายลงอักขระของฤาษีเกศแก้ว โดยห้องนี้ไฟลามไปไม่ถึง
สำหรับปู่ฤาษีเกศแก้วมีอาศรมที่ตำบลบ้านขาม อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู มีลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก เชื่อว่า มีอายุ 150 ปี ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 เกิดดรามาเรื่องที่ฤาษีเกศแก้วเดินนำหน้าพระสงฆ์บินฑบาตรในงานทอดกฐิน จนถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม.- 512 – สำนักข่าวไทย