ลงนาม 3 หน่วยงานยกระดับประกันภัยพืชผลด้วยเทคโนโลยี

กรุงเทพฯ 31 ม.ค.- รมว. เกษตรฯ เป็นประธานลงนามความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตร สมาคมประกันวินาศภัยไทย และไทยคม นำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยพืชผล สามารถประเมินความเสียหายได้เร็วและจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้เกษตรกรได้เร็ว โดยกระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายขยายโครงการประกันภัยครอบคลุมผลผลิตภาคการเกษตรอีกหลายชนิดเพื่อลดภาระด้านงบประมาณ


ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานในการลงนามความร่วมมือของรมส่งเสริมการเกษตร สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ในโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย ด้วยการนำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยพืชผล พร้อมยกระดับมาตรฐานการประกันภัยด้านการเกษตรด้วยการใช้เทคโนโลยีอวกาศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้รับเกียรติจาก ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีลงนาม ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวว่า ภายใต้ความร่วมมือของกรมส่งเสริมการเกษตร สมาคมประกันวินาศภัยไทย และไทยคม ทั้ง 3 หน่วยงานจะร่วมกันพัฒนาการนำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยพืชผล  ด้วยการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจทรัพยากรโลก (Earth Observation Satellite) ระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics System) และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence/Machine Learning) มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น ข้อมูลแปลงเกษตรกร พันธุ์ข้าว พื้นที่ประสบภัยพิบัติ และอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการวางแผนและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติให้ได้รับเงินสินไหมทดแทนได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ทำให้ต้นทุนของเกษตรกรลดลง อีกทั้งยังช่วยให้ภาครัฐมีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ เพื่อนำใช้ในการวางแผนรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างทันถ่วงที และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนช่วยให้ภาครัฐบริหารจัดการงบประมาณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการ บูรณาการความร่วมมือ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ อาทิ ข้อมูลสารสนเทศ ข้อมูลภูมิสารสนเทศ และงานวิจัย เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรทั้งสามหน่วยงานให้มีความรู้ความสามารถ อันจะนำไปสู่การช่วยขับเคลื่อนให้ภาคอุตสาหกรรมเกษตรของประเทศก้าวหน้าต่อไปได้ในอนาคต


นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรวางแนวทางการขับเคลื่อนภารกิจในปี 2567 โดยเน้นขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่ สร้างสินค้าเกษตรมูลค่าสูง (High Value) ควบคู่ไปกับการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Low Carbon) และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในภาคการเกษตรรวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และขับเคลื่อน BCG Model รวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital DOAE) เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน สมดุล ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ถือเป็นหน่วยงานหลักในการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกร รับแจ้งข้อมูลเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ ร่วมเป็นคณะกรรมการประเมินความเสียหายในแปลงของเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ และการดำเนินการด้านอื่น ๆ เช่น วางแผนช่วยเหลือและพัฒนาการเกษตรและเกษตรกร ซึ่งเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายภายหลังเกิดภัยแล้ว พร้อมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและสมาคมประกันวินาศภัยไทยไปใช้ประกอบการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับเกษตรกรที่ทำประกันภัยไว้ ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการพอสมควร 

ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท ไทยคมจำกัด (มหาชน) และ สมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อนำความรู้ และความเชี่ยวชาญ สร้างความร่วมมือทางวิชาการ ร่วมกันบูรณาการและพัฒนาแนวทางการนำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยพืชผล ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น และโอกาสที่ดีที่จะร่วมกัน ในการพัฒนาระบบประกันภัยพืชผลอย่างยั่งยืน มีความถูกต้อง แม่นยำ โดยการนำเทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจทรัพยากรโลก เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลขนาดใหญ่มาใช้ เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาใช้การประกันภัยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำการเกษตร และเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานภาครัฐและประชาชน และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยความมั่นคง เพราะภาคเกษตรกรรมเป็นรากฐานที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย

ดร. สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า สมาคมประกันวินาศภัยไทย เป็นองค์กรที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการนำระบบประกันภัยมาใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงให้กับภาครัฐและเกษตรกร โดยเฉพาะโครงการประกันภัยพืชผล ซึ่งเป็นโครงการที่ธุรกิจประกันวินาศภัยมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นในการทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการบริหารความเสี่ยง ให้กับภาคการเกษตรของไทย เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยให้เกษตรกรมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพมากยิ่งขึ้น โดยสมาคมฯ ได้ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารโครงการประกันภัยพืชผลให้กับภาครัฐในโครงการประกันภัยข้าวนาปี และโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลารวมกว่า 12 ปี ซึ่งมีภาพรวมของผลการดำเนินงานในการรับประกันภัยครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกกว่า 210 ล้านไร่ และมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทน เป็นจำนวนกว่า 15,066 ล้านบาท แบ่งเป็น


1. โครงการประกันภัยข้าวนาปี ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปี 2565 มีพื้นที่รับประกันภัย จำนวน 203.7 ล้านไร่ มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทน จำนวน 14,611 ล้านบาท

2. โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตั้งแต่ปี 2552 จนถึง ปี 2566 มีพื้นที่รับประกันภัย จำนวน 5.5 ล้านไร่ มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทน จำนวน 455 ล้านบาท

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้มีการพัฒนาโครงการประกันภัยพืชผล โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนโครงการประกันภัยพืชผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การดำเนินงานให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมถึงเกษตรกรผู้เอาประกันภัยให้ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อให้การประกันภัยพืชผลของไทยเกิดความยั่งยืน ดังนี้

  1. พัฒนาเทคโนโลยีในการเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลการรับประกันภัย การขึ้นทะเบียนเกษตรกร และการรายงานความเสียหาย ระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กับสมาคมฯ เพื่อให้มีการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับเกษตรกรได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น
  2. พัฒนาระบบการรายงานความเสียหายด้วยการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายโดยมิได้อยู่ในพื้นที่ประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ผ่านแอปพลิเคชัน “มะลิซ้อน” เพื่อให้เกษตรกรผู้เอาประกันภัยสามารถใช้แอปพลิเคชันนี้รายงานความเสียหายด้วยโทรศัพท์มือถือ ต่อยอดการเป็น Smart Farmer ซึ่งจะช่วยให้การประกอบอาชีพการเกษตรในประเทศไทยมีความยั่งยืนต่อไป
  3. การนำเทคโนโลยีดาวเทียม ระบบการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และระบบ AI & Machine Learning มาใช้ในการประกันภัยพืชผล โดยร่วมกับบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ในการวิเคราะห์ข้อมูลและตรวจสอบความเสียหายเพื่อดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนในโครงการประกันภัยพืชผลต่อไป ซึ่งได้เริ่มนำร่องในพื้นที่ 6 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น นครราชสีมา นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ร้อยเอ็ด และสุโขทัย โดยผลการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวนั้นสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางที่ใช้ในการพัฒนา ต่อยอด และขยายผลในการดำเนินงานเพิ่มเติมในพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศต่อไป ซึ่งจะมีการดำเนินงานขยายพื้นที่การทดสอบ จากเดิม 6 จังหวัด จำนวน 3 ล้านไร่ เป็น 16 จังหวัด จำนวน 13 ล้านไร่ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการสำรวจความเสียหายให้มีความครอบคลุมและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

นายปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม กล่าวว่า ไทยคมมีเจตนารมณ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการช่วยพัฒนาประเทศชาติให้เกิดความยั่งยืน ด้วยการพัฒนาโซลูชันที่ได้ข้อมูล Big Data จากอวกาศ มาวิเคราะห์ร่วมกับ Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning (ML) เพื่อนำไปใช้วางแผนในการบริหารจัดการให้กับประเทศในหลายมิติ โดยเฉพาะภาคการเกษตรไทย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ดังนั้น การผนึกกำลังกับกรมส่งเสริมการเกษตร และสมาคมประกันวินาศภัยไทย จึงเป็นการตอกย้ำพันธกิจของไทยคม ที่ได้นำความเชี่ยวชาญในธุรกิจดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศ มาต่อยอดให้เกิดเป็นแพลตฟอร์มในการประกันภัยพืชผล เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้

การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นผลต่อเนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวของสมาคมฯ ในการนำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยพืชผลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย ที่มีเป้าหมายร่วมกันเพื่อผลักดันการนำเทคโนโลยีมาใช้ประเมินความเสียหายทั่วประเทศต่อไป. – 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

มือปืนเรียกชื่อก่อนรัวยิง “เสี่ยเปี๊ยก” ดับต่อหน้าภรรยา

กาญจนบุรี 26 มิ.ย. – สุดโหด! 2 คนร้ายเรียกชื่อก่อนรัวยิงไม่นับ สังหาร “เสี่ยเปี๊ยก” นักธุรกิจและผู้กว้างขวางเมืองกาญจนบุรี เสียชีวิตต่อหน้าภรรยา ตำรวจพุ่ง 3 ปม “ชู้สาว-ขัดแย้งส่วนตัว-ธุรกิจ” ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยนาทีสังหารนายสิทธิกร หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 51 ปี ในขณะที่เสี่ยเปี๊ยกเดินมากับภรรยา กำลังจะขึ้นรถกระบะสีดำ จังหวะที่เสี่ยเปี๊ยกจะเปิดประตูฝั่งคนขับ คนร้าย 2 คน ลงมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้กัน คนแรกเรียกชื่อ “เสี่ยเปี๊ยก” พร้อมกับเดินตรงเข้าไปใช้ปืนจ่อยิงศีรษะเสี่ยเปี๊ยกหลายนัดจนล้มลง ก่อนคนร้ายอีกคนเดินตามกระหน่ำยิงซ้ำอีกหลายนัด จากนั้นพากันขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนภรรยาของเสี่ยเปี๊ยกเดินอ้อมมาเห็นศพสามีก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ตะโกนขอความช่วยเหลือ บริเวณลานจอดรถหน้าร้านวัสดุก่อสร้างชื่อดังริมถนนบายพาส (เลี่ยงเมือง) จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วานนี้ (25 มิ.ย.) ภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตรวจสอบสภาพศพเสี่ยเปี๊ยก พบร่องรอยกระสุนเจาะเข้าตามศีรษะ ใบหน้า ต้นคอ ลำตัว และแขน รวม […]

ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา

พังงา 26 มิ.ย.- ตำรวจพังงา พร้อมเจ้าหน้าที่ EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา ตำรวจพังงา พร้อมด้วยตำรวจชุด EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ซุกอยู่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและปิดกั้นพื้นที่ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในจุดดังกล่าว โดยการตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ตำรวจพังงาจับกุม 2 คนร้ายชาวปัตตานี พร้อมกับรถยนต์ที่ซุกระเบิดแสวงเครื่องไว้ภายในรถ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ข้อมูลเบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนระบุว่า ตำรวจแกะรอยจากการไล่กล้องวงจรปิด พบคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุที่กระบี่ มาก่อเหตุที่พังงา.-สำนักข่าวไทย

ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ จัดทัพเริ่มนิ่ง

อสมท 26 มิ.ย. – ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ “ภูมิธรรม” นั่งรองนายกฯ ควบ มท.1 ด้าน กล้าธรรม “นฤมล” คุมนั่ง รมว.ศึกษาฯ ขณะที่ “สุชาติ ตันเจริญ” ชื่อติดนั่ง รมว.แรงงาน ความเคลื่อนไหวในการปรับคณะรัฐมนตรี แพทองธาร ½ สำหรับโผการจัด ครม. ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย 2 ตำแหน่ง คือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร นายชูศักดิ์ ศิรินิล […]

นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอบคุณที่เสียสละ ขออดทนอดกลั้น

สระแก้ว 26 มิ.ย.- นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอให้อดทนอดกลั้น ขอบคุณที่เสียสละ พร้อมพบปะนักเรียนแนวชายแดน มอบอุปกรณ์การเรียน-กีฬา ก่อนไปตรวจหลุมหลบภัย เวลา 13.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยทหารพราน 1202 บ้านป่าไร่ ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยไปดูบังเกอร์ของหน่วยดังกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบกัน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ว่าต้องมาประจำที่ห่างไกลจากครอบครัว ต้องขอขอบคุณที่เสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทหารคือรั้วของชาติ การมาประจำการอยู่ใกล้ชิดชายแดนขนาดนี้ ต้องอดทน อดกลั้น เพราะมีสิ่งยั่วยุอยู่มากมาย ในการรักษาความสงบเรียบร้อย อดทนอดกลั้นเพื่อให้การทำงานราบรื่น พร้อมย้ำว่าอะไรที่ต้องการ รัฐบาลสนับสนุน ขอให้บอกมาเลย ยืนยันไม่ลืมเรื่องการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และสวัสดิการ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมาที่โรงเรียนตระเวนชายแดนประชารัฐบำรุง 1 ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปทักทายนักเรียนในห้องเรียนต่างๆ โดยนักเรียนแต่ละห้องได้โชว์กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียนที่แตกต่างกันไปให้นายกรัฐมนตรีชม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมอบอุปกรณ์การเรียน นม ขนม […]