ลงนาม 3 หน่วยงานยกระดับประกันภัยพืชผลด้วยเทคโนโลยี

กรุงเทพฯ 31 ม.ค.- รมว. เกษตรฯ เป็นประธานลงนามความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตร สมาคมประกันวินาศภัยไทย และไทยคม นำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยพืชผล สามารถประเมินความเสียหายได้เร็วและจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้เกษตรกรได้เร็ว โดยกระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายขยายโครงการประกันภัยครอบคลุมผลผลิตภาคการเกษตรอีกหลายชนิดเพื่อลดภาระด้านงบประมาณ


ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานในการลงนามความร่วมมือของรมส่งเสริมการเกษตร สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ในโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย ด้วยการนำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยพืชผล พร้อมยกระดับมาตรฐานการประกันภัยด้านการเกษตรด้วยการใช้เทคโนโลยีอวกาศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้รับเกียรติจาก ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีลงนาม ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวว่า ภายใต้ความร่วมมือของกรมส่งเสริมการเกษตร สมาคมประกันวินาศภัยไทย และไทยคม ทั้ง 3 หน่วยงานจะร่วมกันพัฒนาการนำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยพืชผล  ด้วยการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจทรัพยากรโลก (Earth Observation Satellite) ระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics System) และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence/Machine Learning) มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น ข้อมูลแปลงเกษตรกร พันธุ์ข้าว พื้นที่ประสบภัยพิบัติ และอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการวางแผนและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติให้ได้รับเงินสินไหมทดแทนได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ทำให้ต้นทุนของเกษตรกรลดลง อีกทั้งยังช่วยให้ภาครัฐมีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ เพื่อนำใช้ในการวางแผนรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างทันถ่วงที และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนช่วยให้ภาครัฐบริหารจัดการงบประมาณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการ บูรณาการความร่วมมือ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ อาทิ ข้อมูลสารสนเทศ ข้อมูลภูมิสารสนเทศ และงานวิจัย เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรทั้งสามหน่วยงานให้มีความรู้ความสามารถ อันจะนำไปสู่การช่วยขับเคลื่อนให้ภาคอุตสาหกรรมเกษตรของประเทศก้าวหน้าต่อไปได้ในอนาคต


นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรวางแนวทางการขับเคลื่อนภารกิจในปี 2567 โดยเน้นขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่ สร้างสินค้าเกษตรมูลค่าสูง (High Value) ควบคู่ไปกับการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Low Carbon) และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในภาคการเกษตรรวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และขับเคลื่อน BCG Model รวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital DOAE) เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน สมดุล ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ถือเป็นหน่วยงานหลักในการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกร รับแจ้งข้อมูลเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ ร่วมเป็นคณะกรรมการประเมินความเสียหายในแปลงของเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ และการดำเนินการด้านอื่น ๆ เช่น วางแผนช่วยเหลือและพัฒนาการเกษตรและเกษตรกร ซึ่งเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายภายหลังเกิดภัยแล้ว พร้อมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและสมาคมประกันวินาศภัยไทยไปใช้ประกอบการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับเกษตรกรที่ทำประกันภัยไว้ ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการพอสมควร 

ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท ไทยคมจำกัด (มหาชน) และ สมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อนำความรู้ และความเชี่ยวชาญ สร้างความร่วมมือทางวิชาการ ร่วมกันบูรณาการและพัฒนาแนวทางการนำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยพืชผล ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น และโอกาสที่ดีที่จะร่วมกัน ในการพัฒนาระบบประกันภัยพืชผลอย่างยั่งยืน มีความถูกต้อง แม่นยำ โดยการนำเทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจทรัพยากรโลก เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลขนาดใหญ่มาใช้ เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาใช้การประกันภัยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำการเกษตร และเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานภาครัฐและประชาชน และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยความมั่นคง เพราะภาคเกษตรกรรมเป็นรากฐานที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย

ดร. สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า สมาคมประกันวินาศภัยไทย เป็นองค์กรที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการนำระบบประกันภัยมาใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงให้กับภาครัฐและเกษตรกร โดยเฉพาะโครงการประกันภัยพืชผล ซึ่งเป็นโครงการที่ธุรกิจประกันวินาศภัยมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นในการทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการบริหารความเสี่ยง ให้กับภาคการเกษตรของไทย เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยให้เกษตรกรมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพมากยิ่งขึ้น โดยสมาคมฯ ได้ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารโครงการประกันภัยพืชผลให้กับภาครัฐในโครงการประกันภัยข้าวนาปี และโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลารวมกว่า 12 ปี ซึ่งมีภาพรวมของผลการดำเนินงานในการรับประกันภัยครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกกว่า 210 ล้านไร่ และมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทน เป็นจำนวนกว่า 15,066 ล้านบาท แบ่งเป็น


1. โครงการประกันภัยข้าวนาปี ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปี 2565 มีพื้นที่รับประกันภัย จำนวน 203.7 ล้านไร่ มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทน จำนวน 14,611 ล้านบาท

2. โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตั้งแต่ปี 2552 จนถึง ปี 2566 มีพื้นที่รับประกันภัย จำนวน 5.5 ล้านไร่ มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทน จำนวน 455 ล้านบาท

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้มีการพัฒนาโครงการประกันภัยพืชผล โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนโครงการประกันภัยพืชผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การดำเนินงานให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมถึงเกษตรกรผู้เอาประกันภัยให้ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อให้การประกันภัยพืชผลของไทยเกิดความยั่งยืน ดังนี้

  1. พัฒนาเทคโนโลยีในการเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลการรับประกันภัย การขึ้นทะเบียนเกษตรกร และการรายงานความเสียหาย ระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กับสมาคมฯ เพื่อให้มีการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับเกษตรกรได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น
  2. พัฒนาระบบการรายงานความเสียหายด้วยการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายโดยมิได้อยู่ในพื้นที่ประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ผ่านแอปพลิเคชัน “มะลิซ้อน” เพื่อให้เกษตรกรผู้เอาประกันภัยสามารถใช้แอปพลิเคชันนี้รายงานความเสียหายด้วยโทรศัพท์มือถือ ต่อยอดการเป็น Smart Farmer ซึ่งจะช่วยให้การประกอบอาชีพการเกษตรในประเทศไทยมีความยั่งยืนต่อไป
  3. การนำเทคโนโลยีดาวเทียม ระบบการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และระบบ AI & Machine Learning มาใช้ในการประกันภัยพืชผล โดยร่วมกับบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ในการวิเคราะห์ข้อมูลและตรวจสอบความเสียหายเพื่อดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนในโครงการประกันภัยพืชผลต่อไป ซึ่งได้เริ่มนำร่องในพื้นที่ 6 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น นครราชสีมา นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ร้อยเอ็ด และสุโขทัย โดยผลการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวนั้นสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางที่ใช้ในการพัฒนา ต่อยอด และขยายผลในการดำเนินงานเพิ่มเติมในพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศต่อไป ซึ่งจะมีการดำเนินงานขยายพื้นที่การทดสอบ จากเดิม 6 จังหวัด จำนวน 3 ล้านไร่ เป็น 16 จังหวัด จำนวน 13 ล้านไร่ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการสำรวจความเสียหายให้มีความครอบคลุมและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

นายปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม กล่าวว่า ไทยคมมีเจตนารมณ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการช่วยพัฒนาประเทศชาติให้เกิดความยั่งยืน ด้วยการพัฒนาโซลูชันที่ได้ข้อมูล Big Data จากอวกาศ มาวิเคราะห์ร่วมกับ Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning (ML) เพื่อนำไปใช้วางแผนในการบริหารจัดการให้กับประเทศในหลายมิติ โดยเฉพาะภาคการเกษตรไทย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ ดังนั้น การผนึกกำลังกับกรมส่งเสริมการเกษตร และสมาคมประกันวินาศภัยไทย จึงเป็นการตอกย้ำพันธกิจของไทยคม ที่ได้นำความเชี่ยวชาญในธุรกิจดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศ มาต่อยอดให้เกิดเป็นแพลตฟอร์มในการประกันภัยพืชผล เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการนี้

การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นผลต่อเนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวของสมาคมฯ ในการนำระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการประกันภัยพืชผลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย ที่มีเป้าหมายร่วมกันเพื่อผลักดันการนำเทคโนโลยีมาใช้ประเมินความเสียหายทั่วประเทศต่อไป. – 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.

รัฐสภา 31 พ.ค. – เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะประธาน-รองประธาน วางกรอบการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2. นายจักรพงษ์ แสงมณี 3. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ […]

สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง

รัฐสภา 31 พ.ค.- สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง ประธานสั่งพักประชุม 5 นาที สุดท้ายงูเห่ายอมถอย ไปอยู่สัดส่วน ครม.แทน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณางบประมาณรายจ่ายงบประมาณ 2569 ในขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 73 คน ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย ขณะที่นางสุภาพร สลับศรี สส.พรรคไทยสร้างไทย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทำให้เกิดการประท้วงกันเนื่องจากมีการเสนอชื่อ 2 คน แต่ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีหนังจากกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อนายชัชวาล เป็นตัวแทนของพรรคทำให้นายฐากูร ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการวิสามัญจะต้องถูกเสนอโดยคนของพรรคตัวเอง ไม่ใช่พรรคอื่น ซึ่งวันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อตน แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเสนอชื่ออีกคน ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ใครจะเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้ขอแค่มีผู้รับรอง ก่อนจะให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน […]

“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่ ลั่นถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัว เอาคนอื่นไปนั่งแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก นายชาดา กล่าวว่างบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง […]

ฝากขังพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก

นครราชสีมา 30 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก และขืนใจลูกวัย 11 ขวบ ฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา อ้างวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหและมึนเมาสุรา จึงก่อเหตุ ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงพระเอกลิเกสุดโหดใช้ค้อนสำหรับทุบหมู ทำร้ายลูกเลี้ยงนางเอกลิเกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จนบาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครราชสีมาบุกรวบตัวผู้ต้องหาคือ นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเกชื่อ “รักยิ้ม ทับทิมสยาม” พ่อเลี้ยง ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก่อนจะควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ เช้าวันนี้ (30 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา คุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล จนผู้ต้องหา ยอมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าในวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโห พร้อมกับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหากระทำอนาจารต่อลูกสาววัย 11 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐาน หากตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา […]

ข่าวแนะนำ

วิวคว้าแชมป์

“วิว-บาส-เฟม” คว้าแชมป์แบดฯ สิงคโปร์ โอเพ่น

1 มิ.ย. – “วิว กุลวุฒิ” ตบชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด คว้าแชมป์ชายเดี่ยวแบดมินตันสิงคโปร์ โอเพ่น ส่วน “บาส-เฟม” คว้าแชมป์คู่ผสมมาครองได้สำเร็จ แบดมินตัน ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 รายการ สิงคโปร์ โอเพ่น ที่ประเทศสิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ชาวไทย ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักของไทยคนแรกที่ขึ้นมือ 1 ของโลก ตบเอาชนะ ลู กวาง ซู จากจีน 2 เกมรวด 21-6 , 21-10 คว้าแชมป์ไปครอง พร้อมฉลองแชมป์ ก่อนขึ้นมือ 1 ของโลกอย่างทางการในสัปดาห์ในการประกาศจากสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) และยังเป็นแชมป์ที่ 4 ในปีนี้ของ “วิว” […]

“วิว กุลวุฒิ” นักแบดชายเดี่ยวไทยคนแรก ขึ้นเป็นมือ 1 โลก

สิงคโปร์ 1 มิ.ย.-“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่ มือ 2 ของโลก ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 พร้อมจะขยับขึ้นเป็นมือ 1 โลกชายเดี่ยว เป็นคนแรกของไทย ผลการแข่งขัน แบดมินตัน สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 รายการระดับ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 33 ล้านบาท ที่สิงคโปร์ ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 2 ของโลก และเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” ตบเอาชนะ หลิน ชุนยี่ มือ 19 ของโลก จากไต้หวัน 2-0 เกม 21-11 […]

นายกฯ โพสต์แสดงความยินดี “โอปอล-วิว” สร้างประวัติศาสตร์ไทย

ทำเนียบฯ 1 มิ.ย. – นายกฯ โพสต์แสดงความยินดีกับ “โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎมิสเวิลด์ 2025 คนแรกของประเทศไทย และ “วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์” สร้างประวัติศาสตร์นักแบดมินตันชายเดี่ยวไทยคนเเรกขึ้นมือ 1 โลก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์แสดงความยินดีกับคุณโอปอล สุชาตา มิสเวิลด์ 2025 คนแรกของประเทศไทย และคุณวิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทยที่ขึ้นมือ 1 โลกอย่างไม่เป็นทางการค่ะ ทั้ง 2 ข่าวใหญ่ในวันนี้สร้างความภูมิใจให้คนไทยทั้งประเทศ ด้วยความพยายาม ความมุ่งมั่น ของคุณโอปอล และคุณวิว ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้คนไทยทั้งประเทศ ความสำเร็จของทั้ง 2 ท่านในวันนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ เยาวชนและคนไทยค่ะ 🇹🇭❤️#โอปอลสุชาตา #วิวกุลวุฒิ #MissWorldThailand .-314-สำนักข่าวไทย

ซ้อมเสมือนจริง

ผบ.กกล.บูรพา ตรวจความพร้อมรบ เสริมศักยภาพป้องกันชายแดน

สระแก้ว 1 มิ.ย. – ซ้อมเสมือนจริง “ผบ.กกล.บูรพา“ ตรวจความพร้อมรบ เพื่อให้พร้อมรองรับภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายในพื้นที่ชายแดน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (31 พ.ค.) ที่บ้านหนองสังข์ ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผบ.พล.ร.2 รอ. ในฐานะ ผบ.กกล.บูรพา เป็นประธานตรวจสภาพความพร้อมรบตามระเบียบปฏิบัติประจำของหน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารราบยานเกราะ (ร.12 พัน.2 รอ.) หลังจากที่ได้ดำเนินการ เคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ เข้าสู่ที่รวมพล บริเวณกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 126 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้ ปฏิบัติภารกิจของหน่วยเมื่อได้รับมอบจากหน่วยเหนือ โดย ผบ.พล.ร.2รอ./ผบ.กกล.บูรพา ได้เน้นย้ำสั่งการในเรื่องการรักษาระเบียบวินัยของกำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่ การแสดงภาพลักษณ์ที่ดี แสดงกำลังให้ประชาชนในพื้นที่ เชื่อมั่นในการรักษา ปกป้อง ประเทศชาติ และให้ใส่ใจผู้ใต้บังคับบัญชา ในสายการบังคับบัญชาของตนเอง ในทุกระดับ พร้อมทั้งสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ผสมผสานกับความเป็นผู้นำ และให้เตรียมความพร้อมของกำลังพลที่พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่เมื่อได้รับภารกิจจากหน่วยเหนือ.-313-สำนักข่าวไทย