“อธิบดีโจ” เผยแค้นแก๊งตบทรัพย์ ยืนยันถูกสอบหลายครั้งไม่ผิด

กรุงเทพฯ 30 ม.ค.-อธิบดีกรมการข้าวเปิดใจครั้งแรก หลังแจ้งความรวบ “ศรีสุวรรณ” กับพวก ชี้แค้นถูกตบทรัพย์ บุกถึงบ้านเพื่อชี้แจงแล้วว่า ผลสอบออกมาไม่ผิด ถาม “ศรี” เป็นใครถึงไม่หยุด “ธรรมนัส” โผล่ให้กำลังใจ ระบุ ผลสอบข้อเท็จจริงตามที่ถูกร้องก่อนหน้านี้ ไม่พบความผิด โดยงบ 1.5 หมื่นล้าน โอนให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเงินช่วยเหลือชาวนา “โครงการไร่ละพัน”


นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าวแถลงที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดใจครั้งแรก หลังแจ้งตำรวจปปป. ซ้อนแผนบุกจับนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินและพวกรวม 3 คนที่รีดไถเงินเพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนโครงการกรมการข้าวโดยอ้างว่า ส่อพิรุธทุจริต

นายณัฐกิตติ์กล่าวว่า ได้ร่วมกับนางธัญญรัตน์ ไชยศิริคุณากร ภรรยารวบรวมข้อมูลมานานพอสมควรก่อนไปแจ้งความต่อตำรวจปปป. โดยเมื่อได้รับการติดต่อจากกลุ่มคนเหล่านี้ ถูกข่มขู่รีดทรัพย์ จนกระทั่งในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ตัดสินใจไปที่บ้านนายศรีสุวรรณด้วยความคับแค้นใจว่า จะร้องเรียนอะไร ในเมื่อผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงเกษตรฯ ตั้งแต่มีบัตรสนเทห์ ไม่พบความผิด คราวนั้นได้ชักชวน “พี่หมู” ที่ปรึกษาร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปด้วยเพื่อเป็นพยานเนื่องจากเป็นผู้ใหญ่ที่นับถือ แต่ไม่เคยเรียนเรื่องนี้ต่อร้อยเอกธรรมนัสมาก่อน


ทั้งนี้ “พี่หมู” ไม่เคยแนะนำเรื่องจ่ายเงินให้นายศรีสุวรรณเพื่อจบเรื่อง โดยในวันที่ 28 พฤศจิกายนซึ่งไปที่บ้านนายศรีสุวรรณก็ไม่มีการจ่ายเงิน แต่ไปเพื่อตัดรำคาญ เมื่อแจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่า ไม่มีความผิด นายศรีสุวรรณไม่ได้ตอบอะไร จากนั้นกลุ่มของนายศรีสุวรรณยังไม่หยุดจึงตัดสินใจกับภรรยาที่จะเก็บรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดี ยืนยันว่า ทีมงานของร้อยเอกธรรมนัสไม่ทราบเรื่องนี้ ไม่ว่าจะมีใครพูดกล่าวอ้างอย่างไรก็ตาม ขอให้ฟังที่ตนพูดคนเดียวเท่านั้น

จากนั้นในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 นายศรีสุวรรณแถลงข่าวที่รัฐสภาเกี่ยวกับการร้องเรียนการจัดซื้อเครื่องบินของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร โดยทิ้งท้ายว่า จะร้องอธิบดีกรมการข้าว วันต่อมานายยศวริศ ชูกล่อมหรือเจ๋ง ดอกจิกและเลขาส่วนตัวไปพบที่กรมการข้าว นายยศวริศแนะนำตัวเองด้วยตำแหน่งตามที่ปรากฏข่าว

นายณัฐกิตติ์กล่าวว่า การติดต่อกับกลุ่มของนายศรีสุวรรณเพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ได้มอบให้ภรรยาเป็นผู้ดำเนินการเนื่องจากตนเองเป็นข้าราชการ ต้องทำงาน โดยการเจรจาของภรรยาเพื่อต่อรองและการนำเงินไปมอบให้นายศรีสุวรรณทุกครั้งนั้น เป็นการล่อซื้อ ส่วนที่ต้องล่อซื้อหลายครั้งเพราะครั้งเดียวคงจับใครไม่ได้ ต้องมีหลักฐานชัดเจนแน่นหนา โดยหารือกับตำรวจปปป. แล้ว


ทั้งนี้ไม่ทราบว่า เหตุใดจึงตกเป็นเป้า โดยไม่เฉพาะให้ร้ายตนเองเท่านั้น แต่ยังพาดพิงไปถึงภรรยา โดยพยายามโยงว่า เกี่ยวข้องกับคดี “หมูเถื่อน” และ “ตีนไก่เถื่อน” อีกด้วย ส่วนเรื่องที่มีผู้กล่าวว่า นักการเมือง อดีตผู้บริหารกระทรวงเกษตร “ป” สั่งให้เงียบ อธิบดีกรมการข้าวปฏิเสธไม่ทราบ พร้อมระบุว่า ไม่ทราบเรื่องอะไรทั้งนั้น หลังเกิดเหตุการณ์ข่มขู่รีดไถ ใครโทรหาก็ไม่ได้รับสาย ข้อมูลบางส่วนไม่สามารถพูดได้เนื่องจากอยู่ในสำนวนคดี

ก่อนที่กลุ่มของนายศรีสุวรรณจะติดต่อมา มีบัตรสนเทห์ส่งมาร้องเรียนโครงการของกรมการข้าว แต่จ่าหน้าซองผิด แทนที่จะส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กลับจ่าหน้าเป็นชื่อตน จึงเริ่มทราบความผิดปกติและแจ้งความที่สภ. แก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมาไว้แล้ว

ในบัตรสนเท่ห์และเรื่องที่นายศรีสุวรรณร้องระบุถึง งบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิด้านการเกษตร สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,255 ล้านบาท ที่อ้างว่า มีการทุจริต ทั้งที่จริงแล้ว กรมการข้าวไม่ได้บริหารงบประมาณส่วนนี้เลย เนื่องจากต่อมาครม. เปลี่ยนแปลงเป็นการใช้งบประมาณไปเป็นโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 หรือ “โครงการไร่ละพัน” ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยให้กรมการข้าวสั่งจ่ายเช็ค 15,255 ล้านบาทเพื่อจ่ายจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่า ไม่ผิดเพราะไม่ได้บริหารงบประมาณส่วนนี้เลยและบอกนายศรีสุวรรณไปแล้วด้วย

นายณัฐกิตติ์กล่าวย้ำว่า ไม่รู้จักนายศรีสุวรรณมาก่อน โดยทราบว่า นายศรีสุวรรณเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 4 ปี ตอนเรียนไม่ทันกัน พฤติกรรมของนายศรีสุวรรณนั้น หากเป็นสมัยเรียนมีการรับน้อง จะต้องโดน “โกนหัวครึ่งซีก ห่มผ้าแดง นั่งซาเล้ง แล้ววิ่งรอบสระ ชำระความเสีย” และต้องถูกก้านกล้วยแน่ๆ “ศรี” เป็นใครถึงไม่หยุด เข้าใจความคับแค้นใจของข้าราชการที่ไม่ได้ทำผิด แล้วถูกกระทำไหม

ในระหว่างการแถลงข่าว ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กลับจากประชุมครม. จึงเข้ามาให้กำลังใจอธิบดีกรมการข้าว โดยระบุว่า พูดคุยกันอยู่เป็นประจำ ทั้งอธิบดีและคุณนายติ๋ม ไม่ต้องพูดอะไรมาก อธิบดีกรมการข้าวขอบคุณร้อยเอกธรรมนัสที่ให้กำลังใจ

ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวว่า แม้ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการ 1.5 หมื่นล้าน ออกมาแล้วไม่ผิด แต่เมื่อเป็นประเด็นขึ้นมาใหม่ก็ให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง แต่ขออย่ามองว่า กระทรวงเกษตรฯ เป็นผู้ร้าย แต่เป็นผู้ถูกกระทำ

ส่วนที่นายศรีสวรรณร้องเรียนการจัดซื้อเครื่องบินของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ให้ปลัดกระทรวงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเช่นกัน โดยจะถูกกลุ่มของนายศรีสุวรรณติดต่อในลักษณะเดียวกับอธิบดีกรมการข้าวหรือไม่ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรกำลังทำหนังสือชี้แจงคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่. – 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาล รธน. นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้

ศาล รธน. 13 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้ เปิดให้เจ้าตัวเข้าไต่สวนพร้อมเลขาฯ สมช. 21 ส.ค. ไม่มาถือว่าไม่ติดใจ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กรณีปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวยอมรับว่า เป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จฮุน เซน จริง แม้ น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า น.ส.แพทองธาร แสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนดมาตรการ รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 […]

ทบ.แจงปมขอรับบริจาคลวดหนาม จำเป็นต้องใช้เร่งด่วน

กองทัพบก 13 ส.ค.- โฆษก ทบ. แจงกองทัพภาค 2 ขอรับบริจาค “ลวดหนามหีบเพลง” เหตุจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยกำลังพล สกัดการลักลอบเข้าพื้นที่ของทหารกัมพูชา ชี้หากรอกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ใช้เวลา 1 เดือน ย้ำรัฐบาล-กองทัพ มีงบประมาณเพียงพอ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชน และให้มาขอกับรัฐบาลว่า ยืนยันรัฐบาลและกองทัพมีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน “การจัดซื้อต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่วิธีจัดหาใช้แบบพิเศษได้ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ที่สำคัญ กรณีลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ ไม่มีในท้องตลาดต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ งบประมาณมีอย่างเพียงพอ มีแค่เรื่องเวลา” โฆษก ทบ. กล่าวและว่า […]

โรงเรียน-โรงพยาบาลในอุบลฯ เปิดวันแรก หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

13 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังปกติ ชาวบ้านติดชายแดนต่างวิตก หวั่นเกิดการปะทะ จึงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมหากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนโรงเรียน-โรงพยาบาล ใน จ.อุบลราชธานี เปิดวันแรก ทำเอาชาวบ้านอยู่ไม่ได้ หลังมีกระแสข่าวว่าจะเกิดการยิงกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนชาวบ้านต้องขนของอพยพออกจากบ้านกลางดึก เพื่อมาตั้งหลักในตัว อ.กันทรลักษ์ แต่หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ ออกไปพักบ้านญาติพี่น้องต่างอำเภอ สำหรับสถานที่ราชการในตัว อ.กันทรลักษ์ วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนโรงเรียนบางแห่งประกาศให้เรียนทางออนไลน์แทน เพื่อความปลอดภัย โรงเรียนชายแดน จ.สุรินทร์ ปิดต่อ ให้เรียนออนไลน์เช่นเดียวกับ จ.สุรินทร์ โรงเรียนชายแดนยังปิดต่อ และให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อรอดูสถานการณ์ ส่วนผู้ปกครองกังวลถ้ายังเปิดเรียนในช่วงสถานการณ์ยังไม่สงบและไม่ปลอดภัย 100% ส่วนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก โรงเรียนประถมฯ บางโรงประกาศให้มีการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ และมีบางโรงเรียนที่กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ไม่บังคับว่านักเรียนต้องมาเรียนทุกคน โดยมีการแจ้งใน LINE กลุ่มผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความกังวลใจก็อนุญาตให้เด็กลาได้ ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ […]

South Korea Leader and wife at Presidential plane Apr 2023

เกาหลีใต้จับอดีตสตรีหมายเลข 1

โซล 13 ส.ค.- นางคิม คอน ฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ถูกควบคุมตัวตามที่ศาลออกหมายจับเมื่อค่ำวานนี้ หลังจากอัยการยื่นขอหมายจับเพราะเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาหลายคดี นางคิม ซึ่งจะมีอายุครบ 53 ปีในเดือนกันยายน เป็นอดีตสตรีหมายเลข 1 คนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุม ขณะที่สามีของเธอ คือ อดีตประธานาธิบดียุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันนางคิมได้โค้งคำนับและไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงศาล จากนั้นไปรอฟังคำตัดสินที่สถานกักขังในกรุงโซลตามธรรมเนียมปฏิบัติของเกาหลีใต้ โฆษกคณะอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนแถลงว่า อัยการยื่นขอหมายจับนางคิม เนื่องจากเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวน สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับตามคำแถลงเรื่องเธอมีความเสี่ยงที่จะทำลายหลักฐาน อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ถูกตั้งข้อหาหลายคดี ตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการรับสินบนและการใช้อิทธิพลแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายที่พัวพันกับเจ้าของธุรกิจ บุคคลทางศาสนา และผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เธอถูกกล่าวหาว่า ทำผิดกฎหมายเรื่องสร้อยคอประดับจี้ยี่ห้อหรูที่สวมไปร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่สเปน พร้อมกับสามีในปี 2565 เนื่องจากไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินจี้ดังกล่าวที่มีข่าวว่าราคาสูงกว่า 60 ล้านวอน (กว่า 1.4 ล้านบาท) เธอให้การกับอัยการว่าเป็นของปลอมที่ซื้อในฮ่องกงเมื่อ […]