CITES รับรองฟาร์มเพาะจระเข้น้ำจืดไทยเพิ่มเป็นแห่งที่ 29

กรุงเทพฯ 9 ม.ค.- อธิบดีกรมประมงเผย CITES ขึ้นทะเบียนฟาร์มเพาะจระเข้น้ำจืดไทยเพิ่มเป็นแห่งที่ 29 โดยผลิตภัณฑ์จากจระเข้สร้างรายได้จากการส่งออกกว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังอนุญาตขึ้นทะเบียนฟาร์มเพาะพันธุ์-ส่งออกปลายี่สกไทย – ปลาบึกให้แก่ไทยเป็นประเทศแรกของโลก นับเป็นการขยายโอกาสทางการค้าในตลาดต่างประเทศ


นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมประมงเปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการภาคีสมาชิกของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES)  พิจารณาอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะพันธุ์เพื่อการค้าระหว่างประเทศ ชนิดพันธุ์ จระเข้น้ำจืด (Crocodylus siamensis)  ให้แก่ ฟาร์ม Fluke and Fern Crocodile ของนางจรีพร โชติรัตน์ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงที่เป็นไปตามข้อกำหนดของอนุสัญญา และเป็นฟาร์มที่มีการดำเนินการแบบครบวงจร อีกทั้งยังก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพในพื้นที่ ก่อให้เกิดรายได้เศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน โดยเป็นฟาร์มลำดับที่ 29 ที่ได้รับอนุญาตขึ้นทะเบียน

จระเข้น้ำจืด (Crocodylus siamensis) เป็นสัตว์น้ำที่อยู่ท้ายอนุสัญญา CITES ในบัญชีที่ 1 ซึ่งถือว่า เป็นสัตว์น้ำที่ใกล้สูญพันธุ์และห้ามทำการค้าในเชิงพาณิชย์ แต่อนุสัญญาได้มีข้อกำหนดว่า หากสัตว์น้ำนั้นสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ในที่เลี้ยง และได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักเลขาธิการ CITES จะสามารถทำการค้าระหว่างประเทศได้


ที่ผ่านมากรมประมงได้พยายามดำเนินการผลักดันและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรไทยในการเพาะเลี้ยงจระเข้น้ำจืด เนื่องจากธุรกิจการค้าจระเข้ในต่างประเทศมีความเติบโตและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค จัดเป็นสัตว์น้ำที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจในทุกส่วนของอวัยวะ เช่น เลือด เนื้อ หนัง กระดูก ไขมัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536

นอกจากนี้เป็นครั้งแรกที่สำนักเลขาธิการ CITES ได้รับการขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะพันธุ์เพื่อการค้าระหว่างประเทศสำหรับปลาบึกและปลายี่สกไทยเป็นประเทศแรกของโลก โดยปลายี่สกไทยและปลาบึกเป็นหนึ่งในสัตว์น้ำที่อยู่ท้ายอนุสัญญา CITES ในบัญชีที่ 1 เช่นเดียวกัน

สำนักเลขาธิการ CITES พิจารณาว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเพาะเลี้ยงหรือเพาะพันธุ์อย่างมากและเป็นที่ต้องการของตลาดระหว่างประเทศ โดยมี 6 แห่ง ได้แก่


          1. ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเลย

          2. ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดกาญจนบุรี

          3. ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดอุดรธานี

          4. ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดหนองคาย

          5. ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดพระนครศรีอยุธยา

          6. ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี

ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และการค้าสัตว์ป่าในเชิงพาณิชย์ภายใต้ข้อกำหนดของอนุสัญญา CITES ช่วยสร้างเสริมเศรษฐกิจ ผ่านกลไกการควบคุมการค้าระหว่างประเทศทำให้การใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญาดังกล่าว โดยเฉพาะการสนับสนุนการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าอย่างถูกกฎหมายให้กลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีศักยภาพได้

กรมประมงมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถเพาะพันธุ์สัตว์น้ำเหล่านี้ได้มากขึ้นและสนับสนุนผู้ที่สนใจสามารถหาแนวทางในการสร้างรายได้ต่อไป โดยในปี พ.ศ. 2567 จะช่วยผลักดันให้ผู้ที่ประสงค์จะทำการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์น้ำท้ายอนุสัญญา CITES บัญชี 1 เพื่มขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นผลเชิงบวกต่อผู้ประกอบการไทยและภาคธุรกิจส่งออกสัตว์น้ำของไทยได้ในอนาคต.- 512 – สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร