“ธรรมนัส” ย้ำเปลี่ยน ส.ป.ก. 4-01 เป็น “โฉนดเพื่อการเกษตร” โปร่งใส

กรุงเทพฯ 24 พ.ย.- รมว. เกษตรฯ กำชับ ส.ป.ก. ให้ดำเนินการเปลี่ยนหนังสือ ส.ป.ก. 4-01 เป็น “โฉนดเพื่อการเกษตร” ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดด้วยความโปร่งใส ย้ำชัดมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 15 ม.ค. 67 โดยจะส่งผลเกษตรกรจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างหลากหลาย เลขาธิการ ส.ป.ก. ระบุต้องเป็นแปลงที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี และไม่มีการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ มีเกษตรกรเข้าเกณฑ์กว่า 1.6 ล้านราย


ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้กำชับให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ดำเนินการเรื่องการปรับปรุงหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) เป็น “โฉนดเพื่อการเกษตร” อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ เป็นผลจากที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) มีมติเห็นชอบร่างระเบียบคปก. เพื่อดำเนินการปรับปรุงสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 เป็น “โฉนดเพื่อการเกษตร” 3 ฉบับ โดยมอบหมายให้ส.ป.ก. นำร่างระเบียบทั้ง 3 ฉบับ ไปจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนำความคิดเห็นประกอบการพิจารณาจัดทำร่างระเบียบ คปก. เพื่อเสนอ คปก. พิจารณา


สำหรับ (ร่าง) ระเบียบคปก. 3 ฉบับที่จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องได้แก่

1) ร่างระเบียบ คปก. ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการคัดเลือกและจัดที่ดินให้แก่เกษตรกร การโอนหรือตกทอดทางมรดก สิทธิการเช่าหรือเช่าซื้อ และการจัดการทรัพย์สินและหนี้สินของเกษตรกรที่ได้รับที่ดิน (ฉบับที่…) พ.ศ. … (ร่างระเบียบคัดเลือก)

2) ร่างระเบียบ คปก. ว่าด้วยการให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรผู้ได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน (ฉบับที่ …) พ.ศ. … (ร่างระเบียบเข้าทำประโยชน์ฯ)


3) ร่างระเบียบ คปก. ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการให้กู้ยืมเงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและแก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน (ฉบับที่…) พ.ศ. … (ร่างระเบียบกู้ยืมเงินกองทุนฯ)

ส.ป.ก. ได้ดำเนินการจัดรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องและบุคคลทั่วไป รวมถึงกลุ่มเกษตรกร และสถาบันเกษตรกร ผ่านระบบกลางทางกฎหมาย ระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 มีกำหนดระยะเวลา 16 วัน มีผู้เข้าชมร่างระเบียบ คปก. ทั้ง 3 ฉบับ รวม 8,232 ราย มีผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นแบ่งเป็น เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร 228 ราย เจ้าหน้าที่ส.ป.ก. ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 459 ราย เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐอื่น 191 ราย และบุคคลทั่วไป 118 ราย รวมทั้งสิ้น 996 ราย โดยสรุปผู้แสดงความคิดเห็นทั้งหมดส่วนใหญ่ให้ความเห็นชอบกับร่างระเบียบที่แก้ไขทั้ง 3 ร่าง

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ที่ประชุม คปก. จึงมีมติสำคัญ ดังนี้

1) มีการแก้ไขปรับปรุงเกี่ยวกับชื่อเอกสารจากเดิม “โฉนดเพื่อเกษตรกรรม” เป็น “โฉนดเพื่อการเกษตร” และใช้ครุฑ “สีเขียว”

2) การกำหนดพื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศ จะต้องเป็นแปลงที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี มีฐานข้อมูลรายแปลงตรงกันกับระบบจัดที่ดินออนไลน์ (Alro Land Online) และไม่มีการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์

ทั้งนี้ส.ป.ก. จะปรับปรุงถ้อยคำในร่างระเบียบทั้ง 3 ร่างให้สมบูรณ์ แล้วนำกลับมาให้ คปก. เห็นชอบ เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 จากนั้นจะมอบ “โฉนดเพื่อการเกษตร” ฉบับแรกพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 15 มกราคม 2567 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ โดยมีเกษตรกรที่เข้าเงื่อนไขกว่า 1.6 ล้านราย

ร้อยเอกธรรมนัสยืนยันว่า เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้และจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การเปลี่ยนเป็น “โฉนดเพื่อการเกษตร” จะส่งผลให้มูลค่าที่ดิน ส.ป.ก. เพิ่มมากขึ้น เกษตรกรจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างหลากหลาย คปก. พิจารณาโดยยึดผลประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับเป็นสำคัญ

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวว่า ส.ป.ก. ได้เปิดให้ยื่นความประสงค์ขอปรับปรุงส.ป.ก. 4-01 เป็น “โฉนดเพื่อการเกษตร”  ได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรที่เข้าเงื่อนไข 1,628,520 ราย เอกสารสิทธิรวม 2,205,561 ฉบับ เนื้อที่รวม 22,079,407.67 ไร่ ส.ป.ก. จะเป็นผู้ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมต่างๆ ตามระเบียบที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

สำหรับการมอบ “โฉนดเพื่อการเกษตร” เป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่เกษตรกรที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดไว้ในวันที่ 15 มกราคม 2567 จะมอบพร้อมกันทั่วประเทศ โดยกำลังเร่งตรวจสอบการเข้าใช้ประโยชน์เพื่อยืนยันว่า ผู้ถือครองเป็นเกษตรกรตัวจริงและมีสิทธิทำกินในพื้นที่จริง ขณะนี้กำหนดพื้นที่เป้าหมายที่จะมอบ “โฉนดเพื่อการเกษตร” ไว้เบื้องต้นประมาณ 520,000 แปลง จากนั้นจะขยายการดำเนินการในพื้นที่อื่นต่อไป

พร้อมกันนี้ขอเชิญชวนเกษตรกรใช้สิทธิ์ยื่นลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอออก “โฉนดเพื่อการเกษตร” โดยสามารถยื่นได้ 2 ช่องทางคือ ยื่นด้วยตนเอง ณ ส.ป.ก.จังหวัด ผ่านช่องทางศูนย์บริการประชาชน โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการ อีกช่องทางหนึ่งคือ ผ่านระบบบริการออนไลน์ ของส.ป.ก. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง