กรมประมงเร่งปรับปรุงแก้ไขกฎหมายรองด้านประมง 11 ฉบับ

กรุงเทพฯ 8 พ.ย.- กรมประมงขานรับนโยบายรัฐมนตรีเกษตรฯ เร่งสางปมปัญหาประมง เดินหน้าผลักดันการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายลำดับรอง 11 ฉบับเพื่อลดอุปสรรคการประกอบอาชีพ โดยได้หารือชาวประมงจนได้ข้อยุติ พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นออนไลน์ 15 วัน ก่อนออกประกาศบังคับใช้


ฏณฒ)

นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมงเปิดเผยว่า กำลังเร่งรัดปรับปรุงแก้ไขกฎหมายลำดับรองเกี่ยวกับการประมง โดยเป็นผลจากการประชุมของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาประมงทะเล ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 โดยมีร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายลำดับรองที่ได้ผ่านการหารือชาวประมงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งประมงพื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงตามที่ได้เคยเรียกร้องมาจนได้ข้อยุติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 11 เรื่อง ประกอบด้วย

1. เรื่องการจัดทำเครื่องหมายประจำเรือประมงสำหรับเรือประมงพาณิชย์ในน่านน้ำไทย โดยปรับปรุงระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตทำการประมง หรือก่อนออกไปทำการประมง


          2. เรื่องการกำหนดเครื่องมือที่ห้ามใช้ทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่ง ทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล จะมีการกระจายอำนาจให้คณะกรรมการประมงประจำจังหวัด เป็นผู้กำหนดความเหมาะสมตามบริบทของแต่ละพื้นที่ โดยผ่านการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

          3. เรื่องวิธีการบันทึกข้อมูลในสมุดบันทึกการทำประมง (Logbook) จะมีการปรับปรุงวิธีการบันทึกเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจและการปฏิบัติ และกรมประมงจะเป็นผู้จัดพิมพ์ Logbook เพื่อแจกจ่ายให้พี่น้องชาวประมงเอง

          4. เรื่องการแจ้งเข้าแจ้งออกท่าเทียบเรือ ให้เจ้าของเรือเป็นผู้แจ้งและสามารถมอบหมายให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนได้  โดยจะมีการเพิ่มช่องทางในการแจ้งให้ง่ายขึ้น และขยายระยะเวลาการขอแก้ไขข้อมูลการแจ้งออกเป็น 24 ชั่วโมง


          5. เรื่องเกี่ยวกับการตรวจมาตรฐานสุขอนามัยในเรือประมงพาณิชย์และเรือประมงนอกน่านน้ำ ตามมาตรฐานปีละ 1 ครั้ง และกำหนดระยะเวลาการรับคำขอนัดตรวจ และการออกหนังสือรับรองให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

          6. เรื่องการออกประกาศข้อกำหนดการติดตั้งระบบติดตามเรือประมง (VMS) จาก 5 ฉบับ ผนวกให้เป็นฉบับเดียว โดยปรับปรุงข้อกำหนดให้เหมาะสม อาทิ ให้มีการส่งสัญญาณทุก 1 ชั่วโมง กรณีเรือที่ไม่พร้อมออกทำการประมงให้สามารถนำใบอนุญาตประมงพาณิชย์มายื่นขอปิดสัญญาณชั่วคราวต่อ ศูนย์ PIPO ได้  กรณีสัญญาณขาดหาย หากเรืออยู่ห่างจากฝั่งหรือแนวเขตปิดอ่าว 30 ไมล์ทะเล ให้มีระยะเวลาในการแก้ไขได้ 8 ชั่วโมง ฯลฯ เพื่อลดความยุ่งยากและความเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย

          7. เรื่องการเปรียบเทียบปรับให้คณะกรรมการเปรียบเทียบปรับสามารถพิจารณาเจตนาของการกระทำความผิดตามข้อเท็จจริง ความร้ายแรง ตามหลักทั่วไปในกฎหมายอาญา และกำหนดหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบปรับให้มีความเหมาะสม

          8. เรื่องการขอและการออกใบอนุญาตใช้เรือตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย ได้มีการบูรณาการร่วมกับกรมเจ้าท่า ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบกฎหมายดังกล่าว ซึ่งกฎหมายเดิมกำหนดให้มีการขอต่อใบอนุญาตใช้เรือต้องมีหนังสือรับรองจากกรมประมง จึงทำให้ประชาชนเกิดภาระและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบกับข้อกำหนดในการออกหนังสือรับรองใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับการขอใบอนุญาตใช้เรือ ซึ่งตามกฎหมายมีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือเป็นหลัก จึงเป็นงานที่ซ้ำซ้อนและเกินความจำเป็น จึงเห็นควรให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือเป็นหลัก โดยกรมเจ้าท่าจะเร่งรัดดำเนินการต่อไป

          9. เรื่องการออกหนังสือคนประจำเรือของแรงงานต่างด้าว (Seabook) จะมีการบูรณาการร่วมกันกับกรมจัดหางาน ในการเพิ่มสัญชาติแรงงานต่างด้าวที่จะมาทำงานบนเรือประมงได้มากขึ้น อีกทั้ง ยังจะเปิดให้มีการขอ Seabook ได้ทั้งปี นอกจากนี้ แรงงานกลุ่มที่อยู่ในประเทศไทยเกินกว่ากำหนด สามารถไปยื่นขอตรวจอัตลักษณ์  กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อนำมาประกอบการขอ Seabook ได้ รวมถึงตัดลดเงื่อนไขที่แรงงานจะต้องตรวจโควิดออกไป

          10. เรื่องการวางประกันแทนการยึดเครื่องมือทำการประมงหรือการกักเรือประมง โดยให้เรือประมงที่ถูกจับกุมหรืออยู่ระหว่างการดำเนินคดี สามารถวางประกันแล้วนำเรือประมง เครื่องมือประมง ไปทำการประมงได้ สำหรับหลักประกันที่ใช้แทน ได้แก่ เงินสด ที่ดิน พันธบัตร หุ้น หรือ บุคคลค้ำประกัน

           11. เรื่องการงดจดทะเบียนเรือประมงชั่วคราวจากเดิมที่ได้งดจดทะเบียนเรือ กรมประมงได้หารือร่วมกับกรมเจ้าท่า ให้ออกประกาศการจดทะเบียนเรือประมงพาณิชย์ที่ต่อขึ้นใหม่เพื่อทดแทนลำเดิมที่ชำรุดทรุดโทรม ไฟไหม้ อับปาง และการจดทะเบียนเรือประมงพื้นบ้านที่ไม่มีทะเบียนเรือเดิมเพิ่มเติมได้ และการจดทะเบียนเรือประมงพาณิชย์เพื่อทำการประมงนอกน่านน้ำได้ ซึ่งขณะนี้กรมเจ้าท่าอยู่ในระหว่างดำเนินการออกประกาศ

สำหรับการปรับปรุงกฎหมายที่ได้ข้อยุติทั้ง 11 เรื่องนี้ เป็นการช่วยแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องชาวประมง ส่วนในเรื่องอื่นๆ นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เน้นย้ำให้หาแนวทางออกร่วมกัน โดยมุ่งปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายให้เหมาะสมควบคู่ไปกับการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลอย่างยั่งยืน ตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีให้ไว้ โดยเฉพาะกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อชาวประมง เจตนารมณ์หลักคือ มุ่งมั่นพลิกฟื้นอุตสาหกรรมประมงไทยให้กลับมาเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศและประชาชน การประมงทะเลมีเสถียรภาพ โดยเปลี่ยนมุมมองจากที่กฎหมายเป็นอุปสรรคเปลี่ยนเป็นรัฐสนับสนุน

ทั้งนี้ การดำเนินการที่กล่าวมา จะไม่ลดประสิทธิภาพในการคงไว้ซึ่งการบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดความยั่งยืนและไม่กระทบกับหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล 

ในขณะนี้ กรมประมงได้ลงระบบกลางทางกฎหมายเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในเว็บไซต์กองกฎหมาย กรมประมง www4.fisheries.go.th/local/index.php/main/site/law เพื่อเป็นการเปิดรับฟังการวิเคราะห์ทางกระบวนการตามกฎหมาย เป็นเวลา 15 วัน ต่อจากนั้นจะเร่งดำเนินการเพื่อออกประกาศระเบียบดังกล่าวนำมาใช้โดยเร็วที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ภายหลัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เข้าร่วมสอบปากคำ พระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ หมอบี ล่าสุด มีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต ยินยอมจะขอลาสิกขาจากเพศบรรพชิตแล้ว เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยอดีตพระอลงกต ถูกจับกุมเมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา ตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหายักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฟอกเงิน.-สำนักข่าวไทย

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]

คุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง

สระแก้ว 26 ส.ค.- ฝ่ายความมั่นคงคุมเข้มชายแดนบ้านหนองจาน-เตือนเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานประกาศปิด 2 วัน (26-27 ส.ค.) เพื่อความปลอดภัย สถานการณ์บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดนกัมพูชา และเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อวานนี้ ล่าสุดสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ขณะที่โรงเรียนบ้านหนองจานได้ประกาศปิดเรียน 2 วัน ในวันที่ 26-27 สิงหาคมนี้ เพื่อความปลอดภัย ด้านฝ่ายความมั่นคงเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและปฏิบัติการตามขั้นตอน เพื่อยืนยันการรักษาอธิปไตยของไทย และความปลอดภัยของประชาชน ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุในช่วงนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ทางฝั่งกัมพูชายังคงมีชาวบ้านนอนเฝ้าอยู่บริเวณรั้วตลอดทั้งคืน แต่ยังไม่มีการก่อความวุ่นวายใดๆ