กรุงเทพฯ 8 พ.ย. – อธิบดีกรมปศุสัตว์เผย เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจกลุ่มด่านกักกันสัตว์ที่ 6 ร่วมกับทหารพรานจับกุมการลักลอบเคลื่อนย้ายกระบือ โดยสกัดรถกระบะที่บรรทุกกระบือ 2 คันที่บ้านปางอุ๋ง โดยคนขับรถไม่สามารถนำเอกสารขออนุญาตเคลื่อนย้ายมาแสดงได้ ให้การเบื้องต้นว่า เคลื่อนย้ายจาก อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอนไปยัง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายญาณากร แห่งพิษ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์แม่ฮ่องสอนว่า เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์แม่ฮ่องสอนร่วมกับชุดเฉพาะกิจด่านกักกันสัตว์เชียงราย ชุดเฉพาะกิจด่านกักกันสัตว์พะเยา และเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 3603 สนธิกำลังตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ณ จุดตรวจบ้านปางอุ๋ง เขตรอยต่อ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอนกับ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์
ทั้งนี้สามารถสกัดรถกระบะ 2 คันซึ่งบรรทุกกระบือมีชีวิตมารวม 7 ตัวตามที่ได้รับแจ้งจากสายข่าว เจ้าหน้าที่ขอตรวจดูใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์และเอกสารประกอบอื่นๆ แต่คนขับไม่สามารถหามาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้
จากการสอบสวนเบื้องต้น คนขับรถให้การว่า เคลื่อนย้ายกระบือจาก อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน มีปลายทางไปยัง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งความผิด มาตรา 34 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มีโทษตามมาตรา 71 จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกสั่งกักสัตว์ไว้เพื่อทดสอบโรค ณ คอกกักสัตว์เกษตรกร เลขที่ 37/2 ม.1 ต.แม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายสัตวแพทย์สมชวนกล่าวว่า กรมปศุสัตว์คุมเข้มเพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าโค-กระบือและเคลื่อนย้ายสัตว์อย่างผิดกฎหมายในบริเวณพื้นที่แนวชายแดนเนื่องจากส่งผลให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรคระบาดสัตว์ที่อาจติดมากับโค-กระบือลักลอบนำเข้าซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ภายในประเทศเป็นวงกว้าง ทั้งยังเป็นการแทรกแซงตลาดโค-กระบือในประเทศซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคา ตลอดจนเป็นการปกป้องผู้บริโภคเพื่อให้ได้บริโภคสินค้าปศุสัตว์ที่มีความปลอดภัย
หากประชาชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือแจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิด โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ หรือ www.dld.go.th หรือแอปพลิเคชัน DLD 4.0 หรือ สายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225 -6888 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย