กรมชลฯ คุมเข้มแผนบริหารน้ำพื้นที่ EEC รองรับเอลนีโญ

กรุงเทพฯ 27 ก.ค.- อธิบดีกรมชลประทานย้ำ ให้โครงการชลประทานในพื้นที่ EEC ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับสภาวะเอลนีโญอย่างเคร่งครัด โดยใช้โครงข่ายน้ำภาคตะวันออกสูบกลับเพื่อเติมน้ำต้นทุนลงอ่างเก็บน้ำประแสร์ แล้วใช้เป็นศูนย์กลางกระจายน้ำสำหรับผลิตน้ำประปา ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม เพื่อปกป้องพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ


นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยาและสำนักงานชลประทานที่ 9 ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับสภาวะเอลนีโญในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างเคร่งครัดเพื่อให้มีน้ำเพียงพอใช้ทุกภาคส่วน

ปัจจุบันพบว่า ปรากฏการณ์เอนโซอยู่ในสภาวะเอลนีโญกำลังอ่อน โดยมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2566 จากนั้นจะมีกำลังอ่อนลงและต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2567 จากปรากฏการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2566 ปริมาณฝนบริเวณประเทศไทยมีค่าต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย ส่วนปริมาณฝนสะสมตามการรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 16 ก.ค. 66 ต่ำกว่าค่าปกติ (ปริมาณฝนเฉลี่ย 30 ปี) 25% และต่ำกว่าปี 2565 ถึง 41%


ทั้งนี้การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC ในเขต 3 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยองใช้โครงข่ายน้ำภาคตะวันออกที่เป็นการบริหารจัดการน้ำระหว่างอ่างเก็บน้ำต่างๆ ซึ่งเชื่อมโยงกัน รวมถึงมีการสูบผันน้ำผ่านระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำหรือที่เรียกว่า “ระบบอ่างพวง” โดยเริ่มปฏิบัติการระบบสูบกลับน้ำของโครงข่ายน้ำภาคตะวันออกตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้แก่อ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางกระจายน้ำเลี้ยงพื้นที่  EEC ได้อย่างเพียงพอ

สำหรับการสูบน้ำไปเติมอ่างเก็บน้ำประแสร์ จะสูบต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีศักยภาพการสูบได้วันละประมาณ  250,000 ลบ.ม. หรือเดือนละ 7.50 ล้าน ลบ.ม. น้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์จะผันไปลงอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ก่อนจะผันต่อไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล

ส่วนระบบสูบกลับน้ำ ซึ่งมี นอกจากนี้ยังจะสูบผันน้ำจากคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตไปเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำบางพระ เพื่อรักษาระดับน้ำและคุณภาพน้ำให้เป็นไปตามเกณฑ์สำหรับการผลิตน้ำประปาของจังหวัดชลบุรี ซึ่งปีนี้วางแผนสูบผันน้ำตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน แต่หากตรวจคุณภาพน้ำแล้วพบค่าความเค็มเกินเกณฑ์ที่กำหนดก่อนแผนที่วางไว้ จะสูบผันน้ำทันที



นายประพิศกล่าวว่า กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC ตามแนวทางที่ประชุมร่วมกับคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการน้ำภาคตะวันออก (Keyman Water Warroom) อย่างเคร่งครัด โดยน้ำต้นทุนหลักใช้จากอ่างเก็บน้ำประแสร์ หนองปลาไหล ดอกกราย คลองใหญ่ จังหวัดระยอง อ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทร บางพระ หนองค้อ และพัทยา จังหวัดชลบุรี รวมถึงผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงและจากคลองพระองค์ไขยานุชิต มายังอ่างก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี โดยแผนการผันน้ำจะปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ภายใต้ข้อตกลงของกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ ดังนี้

– แผนสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด เพื่อเติมปริมาณน้ำตันทุนให้อ่างเก็บน้ำประแสร์

– แผนสูบกลับคลองสะพาน – อ่างเก็บน้ำประแสร์ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์น้ำในคลองสะพาน

– แผนสูบผันน้ำจากคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต – อ่างเก็บน้ำบางพระ 56.00 ล้าน ลบม.

– แผนสูบผันจากแม่น้ำบางปะกง – อ่างเก็บน้ำบางพระ 24.45 ล้าน ลบ.ม.

– แผนสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ – อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ 22.25 ล้าน ลบ.ม.

– แผนสูบผันน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์ – อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล 32.95 ล้าน ลบ.ม

– แผนผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ – อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล 60.00 ล้าน ลบ.ม.

นายประพิศกล่าวต่อว่า ปริมาณความต้องการใช้น้ำของพื้นที่ EEC จากโครงข่ายน้ำภาคตะวันออก จะอยู่ที่ประมาณ 1.20 ล้าน ลบ.ม./วัน ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม ขณะนี้ได้เน้นย้ำเรื่องการบริหารจัดการน้ำแบบประณีต ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ของแต่ละภาคส่วน พร้อมกับรณรงค์เรื่องการใช้น้ำอย่างประหยัดและให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันกรมชลประทานได้ประสานกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการเก็บกักน้ำไว้ใช้ด้วย โดยเชื่อมั่นว่า ปริมาณน้ำต้นทุนจะมีเพียงพอใช้ในทุกกิจกรรมของพื้นที่ EEC

สำหรับมาตรการระยะยาว กรมชลประทานเร่งขับเคลื่อนการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี อ่างเก็บน้ำคลองน้ำเขียว จังหวัดระยอง อ่างเก็บน้ำหนองกระทิง จังหวัดฉะเชิงเทรา อ่างเก็บน้ำคลองกะพง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งจะเพิ่มความจุน้ำได้ประมาณ 162 ล้าน ลบ.ม.

ตลอดจนเร่งรัดโครงการผันน้ำได้แก่ โครงการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแส-หนองค้อ-บางพระ โครงการผันน้ำอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึง-อ่างเก็บน้ำคลองสียัด และโครงการผันน้ำอ่างเก็บน้ำดอกกราย-อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล รวมทั้งการร่วมมือและทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในการดำเนินการผันน้ำข้ามลุ่มน้ำให้เป็นไปตามกฎหมาย

นอกจากนี้ยังมีแผนสำรองเพื่อดำเนินการเฉพาะหน้า หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือเช่น  จัดเตรียมเครื่องสูบน้ำหรือรถบรรทุกน้ำที่สามารถนำน้ำไปสนับสนุนได้อย่างทันท่วงที ตรวจสอบการทำงานของอาคารชลประทาน เครื่องมือ เครื่องจักร ให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพตลอดเวลา เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาคตะวันออก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”