กรมชลฯ คุมเข้มแผนบริหารน้ำพื้นที่ EEC รองรับเอลนีโญ

กรุงเทพฯ 27 ก.ค.- อธิบดีกรมชลประทานย้ำ ให้โครงการชลประทานในพื้นที่ EEC ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับสภาวะเอลนีโญอย่างเคร่งครัด โดยใช้โครงข่ายน้ำภาคตะวันออกสูบกลับเพื่อเติมน้ำต้นทุนลงอ่างเก็บน้ำประแสร์ แล้วใช้เป็นศูนย์กลางกระจายน้ำสำหรับผลิตน้ำประปา ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม เพื่อปกป้องพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ


นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยาและสำนักงานชลประทานที่ 9 ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับสภาวะเอลนีโญในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างเคร่งครัดเพื่อให้มีน้ำเพียงพอใช้ทุกภาคส่วน

ปัจจุบันพบว่า ปรากฏการณ์เอนโซอยู่ในสภาวะเอลนีโญกำลังอ่อน โดยมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2566 จากนั้นจะมีกำลังอ่อนลงและต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2567 จากปรากฏการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2566 ปริมาณฝนบริเวณประเทศไทยมีค่าต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย ส่วนปริมาณฝนสะสมตามการรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 16 ก.ค. 66 ต่ำกว่าค่าปกติ (ปริมาณฝนเฉลี่ย 30 ปี) 25% และต่ำกว่าปี 2565 ถึง 41%


ทั้งนี้การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC ในเขต 3 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยองใช้โครงข่ายน้ำภาคตะวันออกที่เป็นการบริหารจัดการน้ำระหว่างอ่างเก็บน้ำต่างๆ ซึ่งเชื่อมโยงกัน รวมถึงมีการสูบผันน้ำผ่านระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำหรือที่เรียกว่า “ระบบอ่างพวง” โดยเริ่มปฏิบัติการระบบสูบกลับน้ำของโครงข่ายน้ำภาคตะวันออกตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้แก่อ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางกระจายน้ำเลี้ยงพื้นที่  EEC ได้อย่างเพียงพอ

สำหรับการสูบน้ำไปเติมอ่างเก็บน้ำประแสร์ จะสูบต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีศักยภาพการสูบได้วันละประมาณ  250,000 ลบ.ม. หรือเดือนละ 7.50 ล้าน ลบ.ม. น้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์จะผันไปลงอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ก่อนจะผันต่อไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล

ส่วนระบบสูบกลับน้ำ ซึ่งมี นอกจากนี้ยังจะสูบผันน้ำจากคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตไปเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำบางพระ เพื่อรักษาระดับน้ำและคุณภาพน้ำให้เป็นไปตามเกณฑ์สำหรับการผลิตน้ำประปาของจังหวัดชลบุรี ซึ่งปีนี้วางแผนสูบผันน้ำตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน แต่หากตรวจคุณภาพน้ำแล้วพบค่าความเค็มเกินเกณฑ์ที่กำหนดก่อนแผนที่วางไว้ จะสูบผันน้ำทันที



นายประพิศกล่าวว่า กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC ตามแนวทางที่ประชุมร่วมกับคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการน้ำภาคตะวันออก (Keyman Water Warroom) อย่างเคร่งครัด โดยน้ำต้นทุนหลักใช้จากอ่างเก็บน้ำประแสร์ หนองปลาไหล ดอกกราย คลองใหญ่ จังหวัดระยอง อ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทร บางพระ หนองค้อ และพัทยา จังหวัดชลบุรี รวมถึงผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงและจากคลองพระองค์ไขยานุชิต มายังอ่างก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี โดยแผนการผันน้ำจะปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ภายใต้ข้อตกลงของกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ ดังนี้

– แผนสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด เพื่อเติมปริมาณน้ำตันทุนให้อ่างเก็บน้ำประแสร์

– แผนสูบกลับคลองสะพาน – อ่างเก็บน้ำประแสร์ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์น้ำในคลองสะพาน

– แผนสูบผันน้ำจากคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต – อ่างเก็บน้ำบางพระ 56.00 ล้าน ลบม.

– แผนสูบผันจากแม่น้ำบางปะกง – อ่างเก็บน้ำบางพระ 24.45 ล้าน ลบ.ม.

– แผนสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ – อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ 22.25 ล้าน ลบ.ม.

– แผนสูบผันน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์ – อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล 32.95 ล้าน ลบ.ม

– แผนผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ – อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล 60.00 ล้าน ลบ.ม.

นายประพิศกล่าวต่อว่า ปริมาณความต้องการใช้น้ำของพื้นที่ EEC จากโครงข่ายน้ำภาคตะวันออก จะอยู่ที่ประมาณ 1.20 ล้าน ลบ.ม./วัน ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม ขณะนี้ได้เน้นย้ำเรื่องการบริหารจัดการน้ำแบบประณีต ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ของแต่ละภาคส่วน พร้อมกับรณรงค์เรื่องการใช้น้ำอย่างประหยัดและให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันกรมชลประทานได้ประสานกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการเก็บกักน้ำไว้ใช้ด้วย โดยเชื่อมั่นว่า ปริมาณน้ำต้นทุนจะมีเพียงพอใช้ในทุกกิจกรรมของพื้นที่ EEC

สำหรับมาตรการระยะยาว กรมชลประทานเร่งขับเคลื่อนการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี อ่างเก็บน้ำคลองน้ำเขียว จังหวัดระยอง อ่างเก็บน้ำหนองกระทิง จังหวัดฉะเชิงเทรา อ่างเก็บน้ำคลองกะพง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งจะเพิ่มความจุน้ำได้ประมาณ 162 ล้าน ลบ.ม.

ตลอดจนเร่งรัดโครงการผันน้ำได้แก่ โครงการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแส-หนองค้อ-บางพระ โครงการผันน้ำอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึง-อ่างเก็บน้ำคลองสียัด และโครงการผันน้ำอ่างเก็บน้ำดอกกราย-อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล รวมทั้งการร่วมมือและทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในการดำเนินการผันน้ำข้ามลุ่มน้ำให้เป็นไปตามกฎหมาย

นอกจากนี้ยังมีแผนสำรองเพื่อดำเนินการเฉพาะหน้า หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือเช่น  จัดเตรียมเครื่องสูบน้ำหรือรถบรรทุกน้ำที่สามารถนำน้ำไปสนับสนุนได้อย่างทันท่วงที ตรวจสอบการทำงานของอาคารชลประทาน เครื่องมือ เครื่องจักร ให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพตลอดเวลา เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาคตะวันออก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

“อนุทิน”​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรฯ

อุดรธานี ​15 มิ.ย.​- “อนุทิน”​ โหมโรง​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรธานี​ เปิดตัว​ “อดิศักดิ์​” ไทยสร้างไทย บอก​ “นู๋หนู​-​ดู๋ดี๋”​ ซี้กัน​ อวยเป็น สส.คุณภาพ​ ภูมิใจไทย​ ภูมิใจแทน​ รอบหน้าขอชาวอุดรฯ​ เลือกเป็น สส.ภท.​ โอดแทนชาวบ้าน​ ซัด​ห่วย 3 ปี งบโยธาแค่​ 700 ล้าน​ บอกถ้าเลือกภูมิใจไทยซัดไปแล้ว​ 3,000 ล้าน​ เหน็บ​ถนน 4 เลน ใครทำให้กุดอย่าไปเลือก นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย​ และผู้บริหารระดับสูง​ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลจำปี​ อำเภอศรีธาตุ​ จังหวัดอุดรธานี​ เพื่อพบปะประชาชน ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม​ โดยมี​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน​ ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าการ​แก้ไขปัญหา​ในพื้นที่ ก่อนจะขึ้นเวทีพร้อมกับ […]

จับตาประชุม JBC วันที่ 2 หลังกัมพูชายื่นศาลโลก

กัมพูชา 15 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว ที่กรุงพนมเปญ หลังวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการประชุมวงเล็กก่อน จากนั้นอาจมีการแถลงร่วมกัน ต้องจับตาว่าวันนี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ รวมถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย หลังกัมพูชายื่นศาลโลก.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เปิดทำเนียบต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” พรุ่งนี้

ทำเนียบ 15 มิ.ย.-รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ ต้อนรับ “โอปอล สุชาตา” Miss World 2025 ร่วมโชว์พลังหญิง นำเสนอวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ให้กับประเทศไทยในทุกมิติ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568) รัฐบาลเตรียมเปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ให้การต้อนรับ “โอปอล” นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World คนแรกของประเทศไทย ที่เพิ่งคว้ามงกุฎระดับโลกในการประกวด Miss World ประจำปี 2025 ที่ประเทศอินเดีย มีกำหนดการเข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในเวลา 10.00 น. การพบปะกันในครั้งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังของสตรีไทย ที่สามารถสร้างชื่อเสียงและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นสิทธิสตรี การศึกษา และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายรัฐบาลในปัจจุบัน การเข้าเยี่ยมคารวะของ Miss World 2025 ยังเป็นการส่งสารเชิงบวกต่อประชาคมโลกว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านความเท่าเทียมทางเพศอีกด้วย […]