กรุงเทพฯ 6 ก.ค.- รองอธิบดีกรมปศุสัตว์เผย สั่งตั้งชุดเฉพาะกิจร่วมดีเอสไอตรวจ “หมูเถื่อน” ของกลาง 161 ตู้ที่ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง โดยคณะพนักงานสอบสวนคาดเสร็จใน 2 สัปดาห์ ขณะนี้เตรียมกำหนดพื้นที่ให้พร้อมทำลายตามระเบียบกรมปศุสัตว์ เมื่อได้รับมอบจากดีเอสไอ ย้ำให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ตรวจสอบย้อนกลับส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “หมูเถื่อน” ทั้งกระบวนการ
นายสัตวแพทย์บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า ได้สั่งตั้งเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจที่ด่านกักกันสัตว์ชลบุรีเพื่อร่วมกับพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในการตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานจากสินค้าเนื้อและชิ้นส่วนสุกรลักลอบนำเข้าในตู้คอนเทนเนอร์ 161 ตู้ที่ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี หลังจากเมื่อวานนี้ได้ร่วมกับพันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมดีเอสไอซึ่งนำพนักงานสอบสวนเข้าตรวจสอบได้ 4 ตู้ โดยมีสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ทั้งนี้พนักงานสอบสวนคาดว่า จะตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานครบ 161 ตู้ภายใน 2 สัปดาห์ จึงสั่งการให้ชุดเฉพาะกิจของกรมปศุสัตว์รายงานผลการร่วมตรวจสอบมาทุกวันทั้งจำนวนตู้ที่เปิดตรวจสอบและน้ำหนักของกลาง พร้อมกันนี้กรมปศุสัตว์กำลังเตรียมกำหนดพื้นที่สำหรับทำลายของกลางทั้งหมดตามระเบียบกรมปศุสัตว์และใช้วิธีการฝังทำลายตามมาตรฐานขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (World Organization for Animal Health หรือ WOAH) เมื่อได้รับมอบจากพนักงานสอบสวน
สำหรับสินค้าประเภทสุกรแช่แข็งในตู้คอนทอนเนอร์ 161 ตู้ซึ่งเป็นของกลางในคดี จากการตรวจสอบพบว่า เป็นสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ กรณีนี้จึงเป็นการนำเข้าโดยฝ่าฝืนมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ซึ่งเมื่อมีการลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายจึงเกิดความเสี่ยงที่จะเป็นพาหะของโรคระบาดสัตว์ รวมถึงอาจมีสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ทั้งยังแทรกแซงตลาดสุกรภายในประเทศ สร้างความเสียหายต่อเกษตรกร โดยนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ได้สั่งการไปก่อนหน้านี้แล้ว ให้เร่งตรวจสอบย้อนกลับไปยังทุกส่วนอาจเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำ “หมูเถื่อน” มาจำหน่าย ทั้งโรงฆ่าและแหล่งจำหน่ายต่างๆ ซึ่งจะมีการตรวจสอบตลอดกระบวนการ หากพบการกระทำผิด จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด.-สำนักข่าวไทย